"เมืองช้างสุรินทร์" เพื่อไทย เจอกระดูกขัดมัน

หากย้อนอดีตสมรภูมิเมืองช้าง ไม่เคยปรากฏพรรคไหนสามารถยึดครองได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือชนะแบบยกจังหวัดได้เลย แม้แต่พรรคใหญ่เจ้าของพื้นที่อีสานอย่าง “เพื่อไทย” หรือ “ไทยรักไทย” ในยุครุ่งเรืองสุดขีดก็ตาม เพราะก็ทำได้เพียง “กวาดเกือบยกจังหวัด” หรือครองสัดส่วนจำนวนเก้าอี้ ส.ส.สูงกว่าคู่แข่งเท่านั้น

เลือกตั้งปี 66 ต้องโฟกัสที่เขต 1 เพราะกลายเป็นปัญหาหนักอกสำหรับ “เพื่อไทย” เนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว “กลุ่มคนเสื้อแดงสุรินทร์” เคยออกมารวมตัวประท้วงคัดค้าน การคัดเลือกตัวผู้สมัครในพื้นที่นี้ เนื่องจากไม่ต้องการให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เลือกคนจากพรรคอื่นมาลงสนาม

แต่เสียงของ “คนเสื้อแดงสุรินทร์” น่าจะเบาเกินไป เพราะทันทีที่เพื่อไทยประกาศรายชื่อผู้สมัคร 400 เขต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปรากฏว่าทางพรรคตัดสินใจส่ง “อนันต์ ปาลีคุปต์” อดีตผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 62 ในฐานะคนรุ่นใหม่ เข้าชนกับแชมป์เก่าตระกูลดังอย่าง “ปกรณ์ มุ่งเจริญพร” จากค่ายภูมิใจไทย ที่มีแบ็กอัพเป็นเหล่าเครือญาติระดับนักการเมือง ซึ่งช่วยส่งให้ “ปกรณ์” เป็นผู้แทนถึง 2 สมัยแล้ว

จึงต้องบอกว่าเพื่อไทยเจอกระดูกชิ้นโต เพราะเมื่อดูผลการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว “อนันต์” มีคะแนนมาเป็นอันดับ 3 ตามหลังอันดับหนึ่งอย่าง “ปกรณ์” เกือบ 10,000 คะแนน แม้รอบนี้จะได้กระแส “คนแดนไกล” บวก “อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร” เป็นพลังบวกเสริมแต้มเรียกความนิยมก็ตาม ก็ยังยากที่จะพลิกชนะได้

และต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งปี 62 มีคนเสื้อแดงอยู่กับเพื่อไทยเปรียบดั่งเงา ก็ยังไม่สามารถฝ่าด่านบ้านใหญ่ “มุ่งเจริญพร” ที่เขต 1 ไปได้ ยิ่งเวลานี้มาเจอกระแส “เสื้อแดงปันใจ” ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้เพื่อไทยเป็นทวีคูณ เพราะอดีตแกนนำเสื้อแดงหลายคนตัดสินใจตบเท้าเข้าซบขั้วตรงข้าม

แถมยังมีอีกหนึ่งผู้เล่นให้ต้องโฟกัส คือ “ทนายเบิร์ด” วิภูษิต มีสิทธิ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ขวัญใจชาวบ้าน แถมกระแสส่วนตัวแรงดีไม่มีตก ซึ่งอาจกลายเป็นตัวสอดแทรกในเขตนี้ ชนิด “ม้ามืด” ได้เหมือนกัน

ขณะที่เขต 1 เขตเมือง แวดล้อมไปด้วยสถานศึกษาและมหาวิทยาลัย ย่อมประมาทพรรคก้าวไกลไม่ได้ หนนี้ส่งผู้สมัครหน้าใหม่ “เบญจมินทร์ ปันสน” หวังเบียดเข้าป้าย 

งานนี้ต้องรอลุ้น “ศึกชนช้าง” ที่ “เมืองช้างสุรินทร์” ใครจะเข้าวิน ใครจะแพ้พ่าย รู้กันวันหย่อนบัตร