
30 มีนาคม 2566 ที่บางกอกอารีน่า หนองจอก กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดงาน“เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ม.ทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ” พร้อม “เปิดนโยบายพรรคพลังประชารัฐ” นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 92 คน โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยและการเปิดตัวครั้งนี้ ร่วม 10,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีแฟนคลับแต่งคอสเพลย์อนิเมะ รวมถึงมีศิลปินดารา อาทิ กิ๊ก ดนัย จารุจินดา , โก้ บีมิ๊กซ์ , ป๊อก โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว , นิรุติ สาวสุชาติ , กลุ่มนางงาม นายแบบ อินฟลูเอนเซอร์จากหลากหลายอาชีพ , กลุ่ม LGBTQ , กลุ่มนักกีฬาอีสปอร์ต ร่วมรับฟังนโยบายของพรรค พปชร.ด้วย
ซึ่งบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่เปิดตัวในวันนี้ก็จะนำนโยบายของพรรคไปหาเสียงขอโอกาสเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ผ่านกลไกนโยบายที่พรรคจะนำเสนอ ทั้งทางด้านสวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ และเศรษฐกิจประชารัฐ ที่มีเป้าหมายให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน และมั่นใจว่าทุกนโยบายพร้อมทำได้ทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ได้มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่ยั่งยืน
โดยเมื่อ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาถึงได้กล่าวต้อนรับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และประชาชน ที่เข้าร่วมงานว่า ขอให้ทุกคนโชคดีจากการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก่อนจะจัดกิจกรรมต่อไป ตนอยากให้ทุกคนได้ดูว่าทีมเศรษฐกิจจของพรรคพลังประชารัฐได้ทำอะไรให้กับประชาชน หากได้เป็นรัฐบาล เราจะทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน
จากนั้น ได้เปิดวีทีอาร์แนะนำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมุ่งฟื้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาครบทุกมิติให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย "นโยบาย 3 เร่งด่วน 8 เร่งรัด" โดย 3 นโยบายเร่งด่วน ได้แก่ 1. แก้หนี้ประชาชน ผู้ประกอบการให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนด้วยวิธีใหม่ ควบคู่สร้างโอกาสใหม่ โดยทำทันที 2. ดูแลสวัสดิการ เสริมทักษะ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3. การยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย
ขณะที่ "8 นโยบายเร่งรัด" วางรากฐานเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่
1. ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมภาคการเกษตร วิสาหกิจชุมชนเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
2. ยกเครื่องภาคอุตสาหกรรมเดิม สู่เศรษฐกิจใหม่ในอุตสาหกรรม S-curve เพื่อขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจ BCG
3. เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ ทั้งอีอีซี และขยายพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่
4. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทุกระบบทั้งถนน ราง น้ำ และอากาศ รวมถึงพัฒนาโครงเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่การต่อยอดพร้อมเพย์ และเป๋าตังค์ ให้คนไทยเข้าสู่ Digital Economy อย่างแท้จริง
5. พัฒนาทรัพยากรมนุษย์รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งระดับปวช. ปวส. ให้เรียนฟรีมีงานทำ พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมแหล่งงาน เพื่อสร้างรายได้ระหว่างเรียน ส่วนแรงงานเดิมจะส่งเสริมเข้าโปรแกรมเพิ่มทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่
6. ปฎิรูประบบราชการ แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อส่งเสริมให้เกิดเอสเอ็มอีที่มีความเข้มแข็ง
7. ปฏิรูประบบงบประมาณ กระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น สู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อเข้าสู่งบประมาณสมดุลในระยะยาว เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนพื้นที่ได้อย่างตรงจุด
8. ต่อต้านคอร์รัปชั่นเต็มรูปแบบ สร้างระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ เพิ่มโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันเป็นสองเท่า รวมถึงใช้เงินดิจิทัล มีเทคโนโลยีบล็อคเชนที่จะนำมาใช้ในโครงการประมูลภาครัฐขนาดใหญ่ มีกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท
จากนั้น ได้เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 400 เขต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่ออีก 92 คน โดยพล.อ.ประวิตร ขึ้นเวทีกล่าวนโยบาย ว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าเราพร้อมแล้ว ที่จะรับใช้ประชาชนทุกคน คนไทยทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่น้องร่วมชาติที่มีสายเลือดเดียวกัน ที่ผ่านมาประเทศของเราพัฒนาได้ยาก เพราะเกิดความขัดแย้งและแตกแยก
ตนจึงขอเชิญชวนทุกคน มาร่วมใจกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยความรักและความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ตนพร้อมที่จะประสานประโยชน์กับทุกฝ่ายพร้อมที่จะนำความรักความสามัคคี นำสู่ประเทศชาติของเราอย่างยั่งยืนตลอดไป คนไทยทุกคนต้องรักกันสามัคคีกัน เป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติและประชาชนเมื่อเราก้าวข้ามความขัดแย้งได้เราจะมีพลังที่จะก้าวข้ามความยากจนต่อไปด้วย หากเรามีความขัดแย้งอยู่ความยากจนก็จะมา
โดยการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของประชาชนทั้งหลายที่จะให้พรรคใดมาบริหารประเทศ พรรคพลังประชารัฐนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากมาย พรรคพลังประชารัฐคิดเรื่องเศรษฐกิจทั้งหมดมาบริหารประเทศ ถ้าเราได้รับเลือกเป็นที่ 1 เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐทั้งคนทั้งพรรค