svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ความในใจ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ตัดใจสละสิทธิ์ปาร์ตี้ลิสต์"พปชร."

30 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พลังประชารัฐ" ส่อวุ่น ปาร์ตี้ลิสต์เป็นเหตุ เซฟโซน 20 ลำดับแรก บ้านใหญ่-กลุ่มป่ารอยต่อมาครบ ไร้ชื่อ "ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" เบื้องลึกตัดใจสละสิทธิ์ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์คืออะไร ติดตามได้ที่นี่ (ชมคลิป)

กลายเป็นปัญหาภายในพลังประชารัฐ เมื่อ"ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์"  ต้องยอมสละสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ"ปาร์ตี้ลิสต์" เหตุผลลึกๆ คืออะไร  "รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ความในใจ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ตัดใจสละสิทธิ์ปาร์ตี้ลิสต์"พปชร."

ใครกดดัน “อ.แหม่ม” สละสิทธิ์ ปาร์ตี้ลิสต์

"วราวิทย์" ตกลงเบื้องหลังความในใจที่สละสิทธิ์ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ของพลังประชารัฐคืออะไรกันแน่

"ศ.ดร.นฤมล" ถ้าตามที่แถลงข่าว ณ วันนั้น ได้บอกเหตุผล ลำดับแรกคือ เรื่องของจำนวนบุคคลากรพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่าบุคคลากรที่เข้ามาร่วมงานจำนวนมากทั้งคนที่ก่อตั้งพรรคมาด้วยกัน คนที่เข้ามาระหว่างทางหรือคนที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับพรรค บุคคลากรคุณภาพเหล่านี้จะต้องมีตำแหน่งเพื่อที่เขาได้จะได้ทำงานทำประโยชน์ให้กับพรรคได้หลากหลาย ถ้ามองในภาพรวมเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพรรค

เหตุผลที่สอง ถ้าหรับหรับตัวแหม่มเองความตั้งใจจะมาทำการเมืองตั้งแต่ย้อนไปปี 2561 เมื่อเดือนมกราคมที่เริ่มเข้ามาทำงานที่พรรคด้วยการชักชวนของ"ท่านอาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ขณะนั้นเราได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลให้ไปเรียนต่อต่างประเทศถึง 7 ปี เราก็กลับมาใช้ทุนเป็นอาจารย์อยู่ที่นิด้าร่วม 23 ปี ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น"ศาสตราจารย์" ชีวิตน่าจะสบายละ

แต่คราวนี้ ทุกวันที่นั่งคุยกันกับคนในครอบครัวเราจะรู้สึกว่ายังไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคือให้กับผู้มีพระคุณให้กับเราเลย ซึ่งคือพี่น้องประชาชนที่ส่งเราเรียน

สำหรับ"แหม่ม"เชื่อแบบนั้นมาโดยตลอด ถ้าย้อนกลับไปในวันที่"แหม่ม"ขึ้นเวทีเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 "แหม่ม"ได้พูดประเด็นเหล่านี้ ถึงวันหนึ่งที่ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งศาสตราจารย์ ลาออกจากการเป็นข้าราชการประจำ มาทำงานทางการเมืองความตั้งใจคือมาตอบแทนพี่น้องประชาชนจริงๆมีเท่านั้น

โดยหวังว่าความรู้ที่เราได้เรียนมาบวกกับประสบการณ์ที่เราทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะมาทำประโยชน์ให้กับการเมืองไทย เหตุผลถัดมาคือเรื่องที่เราได้รับโอกาสไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2562

ทั้งหมดนี้ที่เราอยากจะทำวันนั้นไม่ได้คิดเลยว่าสุดท้ายปลายทางจะเป็นอะไร จนถึงวันที่เปิดสมัครรับเลือกตั้งปี 62 ยังไม่รู้เลยว่าเราต้องกรอกใบสมัครมั้ย จนผู้ใหญ่บอกให้กรอกเราก็ไม่รู้จะได้ที่ไหนไม่เคยถาม มารู้ว่าอยู่ในลำดับที่ 5 คือวันที่เข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้"แหม่ม"ยังรู้สึกสำนึกในบุญคุณของผู้ใหญ่ที่เมตตา"แหม่ม"

ความในใจ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ตัดใจสละสิทธิ์ปาร์ตี้ลิสต์"พปชร."

พอมาถึงปีนี้ 2566 ที่"แหม่ม"ชี้แจงไปก็คือว่า "แหม่ม" เคยได้รับโอกาสแล้วและไม่ได้พูดเพื่อที่จะกระทบให้คนอื่นเกิดความรู้สึกว่ากระทบเทียบเขาหรือป่าว แต่พูดจากความรู้สึกจริงๆว่า ณ วันนั้นเราคือหน้าใหม่ทางการเมืองไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วก็ไม่ใช่คนที่มาจากบ้านใหญ่อะไรเลย แต่เราได้รับโอกาสขณะนี้จากผู้ใหญ่และพรรคพลังประชารัฐ

วันนี้"แหม่ม"ก็อยากให้คนที่ตั้งใจทำงานให้พรรคซึ่งมีเยอะมากได้รับโอกาสนั้นบ้าง แต่วันนี้เราเป็นผู้บริหารพรรคแล้ว ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผู้บริหารพรรคต้องอยู่ลำดับที่สูงๆไปตลอดคนใหม่ๆจะเข้ามาได้ยังไง ไม่ต้องแค่"พรรคพลังประชารัฐ"แต่ทุกพรรค ถ้ายังคาอยู่อย่างนี้ถ้าไม่มีระบบหรือวิธีการที่จะหมุนสลับสับหว่างเพื่อให้มีโอกาสหน้าใหม่เข้ามาบ้าง จะไม่มีวันที่คนใหม่ๆจะเข้ามามีเวทีในทางการเมืองได้เลย โอกาสน้อยมาก

คือความรู้สึกจริงๆที่"แหม่ม"พูด ณ วันนั้น จึงสอดคล้องที่ไปพูดกับทุกที่ รวมทั้งน้องๆที่ทำงานด้วยกันว่าอาจารย์อยากจะเห็น"พรรคพลังประชารัฐ"ผลัดใบ ซึ่งอาจจะไม่ได้ผลัดทั้งต้นในคราวเดียว แต่ถ้าเราเป็นตัวอย่างเริ่มต้นไปแล้วใบใหม่ขึ้นมา

แล้วการทำงานทางการเมืองไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูป ของการเป็นส.ส.เท่านั้น ทำได้หลายอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีสถานะส.ส.แต่ถ้าเราอยู่กับพรรคแล้วเราประสานงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อสนับสนุนผู้สมัครแล้วก็ทำให้พรรคเกิดผลงานก็ทำให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ก็คือการทำงานเชิงสร้างสรรค์ทางการเมืองได้เช่นเดียวกัน ก็เป็นเหตุผลโดยรวมทั้งหมด

"วราวิทย์" แต่ที่อาจารย์คาดหวังว่าจะเกิดการผลัดใบถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งต้นก็ตาม แต่ผมดูรายชื่อแล้วก็คือตัวแทนบ้านใหญ่ นายทุน ผู้มีอิทธิพลของพรรค คนที่เข้ามาวางนโยบาย ผลัดใบตรงไหนครับดูแล้วมันไม่ตรงกับตามที่อาจารย์ตั้งความคาดหวังเอาไว้ถ้าอาจารย์ถอยออกมาแล้วมันจะเกิดความเปลี่ยนแปลง

"ศ.ดร.นฤมล" เกิดการเปลี่ยนแปลง  เพราะว่าจริงๆคณะกรรมการสรรหามีการประชุมกันเมื่อตอนบ่ายของวันที่ 22 มีนาคม สรุปบัญชีรายชื่อแล้ว ณ วันนั้นของอาจารย์อยู่ลำดับที่ 7 เซ็นต์กำกับกันแล้ว สิ่งที่อาจารย์เห็นว่าจะไม่ตรงกับความรู้สึกเราก็คือ เช่น อาจารย์อยู่สูงกว่าอาจารยอุตตม อยู่สูงกว่าท่านสนธิรัตน์ 

"วราวิทย์" ก่อนหน้านั้น"คุณอุตตม"อยู่ลำดับที่เท่าไหร่ ตอนที่อาจารย์อยู่ลำดับที่ 7

"ศ.ดร.นฤมล" ลำดับที่ 8

"วราวิทย์" ตอนนี้คุณอุตตมเลยขึ้นมาลำดับที่ 5 

"ศ.ดร.นฤมล" ค่ะ แล้วท่านสนธิรัตน์อยู่ที่ 10 อย่างที่อาจารย์พูดไปทั้งหมด ทั้งสองท่านนี้รวมทั้งอาจารย์สมคิดคือผู้ที่ให้โอกาสกับแหม่มเมื่อครั้งปี 62 ฉะนั้นมาปี 66 อยู่ๆแหม่มอยู่ตรงนี้แล้วเขาต้องมาต่อหลังจากเรา

"วราวิทย์" อาจารย์ก็ไปขอต่อลำดับท้ายให้สองท่านนั้นขยับขึ้นมาแทนไม่ได้หรอ ทำไมต้องสละสิทธิ์

"ศ.ดร.นฤมล" เพราะว่ามีส่วนอื่นที่ยังคาอยู่ทั้งหมด อันนี้เป็นจุดนึงก่อนที่เป็นเหตุผลที่รู้สึกว่า ทั้งสองท่านไม่เคยเป็นส.ส. น่าจะให้ท่านมีโอกาสอยู่ในลำดับต้นๆ นอกจากนั้นยังมี"คุณสกลธี" อาจารย์อยากให้เขาอยู่ลำดับต้นๆเช่นเดียวกัน หรือคนอื่นๆที่อยู่พรรคตั้งแต่แรก

"วราวิทย์"  ถ้าเราจะแสดงความเห็นใจคนเหล่านี้ว่าเขาควรจะได้อยู่ลำดับที่ดีกว่านี้โดยที่เราไม่ลาออกมา ก็เหมือนพูดได้ไม่เต็มปาก แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถขยับมาอยู่ในลำดับสัก 20 ลำดับแรก แม้ว่าจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างน้อยอาจารย์แสดงสปิริตให้คนเหล่านี้เห็นได้

"ศ.ดร.นฤมล" ใช่ แต่แหม่มไม่ได้ไปตำหนิใคร ไม่ได้อยากพูดให้เกิดผลกระทบกับใคร เพราะเราเข้าใจดีว่าที่"แหม่ม"พูดชื่อมาคือส่วนที่"แหม่ม"ทำงานด้วยแล้วเห็นว่าเขาสร้างประโยชน์ให้กับพรรคจริงๆ แต่ท่านอื่นๆก็ทำประโยชน์ให้กับพรรคเช่นเดียวกัน เป็นเหตุผลที่กรรมการสรรหาและก็ผู้บริหารพรรคมองเห็นแล้วว่าการจัดลำดับล่าสุดเหมาะสมแล้ว

"วราวิทย์" บางกระแส บอกว่า เพราะอาจารย์ถูกเปลี่ยนไปอยู่ลำดับที่ 20

 "ศ.ดร.นฤมล" ไม่มียังไม่เคยมีการขยับใดๆทั้งสิ้น แล้วจริงๆวันนั้น"แหม่ม"ไปเรียนท่านหัวหน้าว่าแบบนี้แหม่มขอสละสิทธิ์ดีกว่า แหม่มอยากให้คนหน้าใหม่ๆได้มีโอกาสบ้าง ท่านยังบอกว่าเอางั้นหรอแล้วท่านบอกว่าลูกผู้หญิงดีเว้ย คือ"แหม่ม"ไม่ได้อยากได้อะไร มาทำงานการเมืองไม่ได้หวังว่าจะมีตำแหน่งแห่งที่อย่างที่แถลงไป

"วราวิทย์" อาจารย์ตัดสินใจด้วยตัวเองหรือมีแรงบีบแรงกดดันให้อาจารย์ต้องตัดสินใจแบบนี้

"ศ.ดร.นฤมล" ไม่มีใครบีบอะไรทั้งนั้นไม่มีใครที่สามารถบังคับให้คนๆนึงสละสิทธิ์ใดๆได้ แล้วที่เหตุผลที่บอกแหม่มพยายามมองภาพรวมของพรรคว่าอะไรจะเกิดผลดีกับพรรคมากที่สุด

logoline