svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

30 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Nation Online สัมภาษณ์พิเศษ “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 ในมุมมองของคนรุ่นใหม่

“การเลือกตั้ง” ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่กำลังจะถึงนี้ หลายคนมองว่า อาจไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากนัก คงไม่ต่างกับ 8 ปีที่ผ่านมา แต่ก็มีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยเชื่อมั่นว่า นี่คืออีเวนต์แห่งความหวัง ที่จะสร้างจุดเปลี่ยนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย แล้วในความรู้สึกนึกคิดของ “คนรุ่นใหม่” ล่ะ พวกเขามีมุมมองกับ “การเลือกตั้ง” ครั้งนี้อย่างไร ?

Nation Online สัมภาษณ์พิเศษ “มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเธอได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การเลือกตั้ง” ปี 2566 ได้อย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้

“การเลือกตั้ง” คือความหวังแห่งการเปลี่ยนแปลง

“มายด์” เชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะอำนาจได้กลับมาเป็นของประชาชนอีกครั้ง ในการกำหนดอนาคตประเทศ และอนาคตของพวกเรา

“การเลือกตั้ง” ที่กำลังจะถึงนี้เป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทยอย่างแน่นอน ประชาชนค่อนข้างจะคาดหวังกับ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก 8 ปีที่ผ่านมาที่มีนายกฯ ชื่อเดิม มันทำให้หลายคนรู้สึกว่า ถูกบีบ และเบื่อหน่ายกับสภาวะสังคมที่เขาไม่สามารถจะลืมตาอ้าปากได้

เพราะฉะนั้นเมื่อมี “การเลือกตั้ง” ก็เหมือนเป็นโอกาสให้เรามีผู้แทนฯ คนใหม่ ประชาชนจึงให้ความสนใจการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก

ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ มันจะเกิดการห่ำหั่นกันในการหาเสียง ทั้งการเมืองรูปแบบเก่าและใหม่อย่างหนัก แต่ประชาชนก็เหมือนมีเซ็นเซอร์ในการวิเคราะห์พรรคการเมือง เขาจะจับตาดูพรรคต่างๆ ในการหาเสียง เพื่อหาพรรคที่ตอบโจทย์ความต้องการของเขาให้ได้มากที่สุด อาทิ พรรคไหนมีนโยบายที่ตรงจริต พรรคไหนทำให้มีความหวัง รวมไปถึงความฝันหลังการเลือกตั้งได้

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

เมื่อก่อนการเมืองเป็นเรื่องการบูชาตัวบุคคล ให้ความเชื่อมั่นตัวบุคคลเป็นส่วนใหญ่ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มายด์คิดว่า จะค่อนข้างต่างออกไป เพราะหลายคนเริ่มให้ความสนใจนโยบายมากกว่าตัวบุคคล

และหากการเลือกตั้งครั้งนี้ ดำเนินการไปแล้วเกิดขึ้นความผิดพลาดมากมายเหมือนปี 2562 ที่กลุ่มอำนาจเดิมกลับมา อย่าง “คุณประยุทธ์” หรือ “คุณประวิตร” มายด์คิดว่า ความรู้สึกของประชาชนส่วนหนึ่งคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

มันจะทำให้พวกเขาคิดว่า เมื่อกลุ่มอำนาจเดิมกลับมามีอำนาจแล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ เขาจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์แบบนี้ แล้ว Active Citizen จะเกิดเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย สถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งเป็นตัวจุดชนวนให้ประชาชนอยู่เฉยไม่ได้

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

การตรวจสอบ “การเลือกตั้ง” ในภาคประชาชน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 ได้เกิดหลายข้อกังขาที่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีการตรวจสอบจากภาคประชาชน ที่คาดว่าจะเข้มแข็งและเข้มข้น

โดย “มายด์” ได้แสดงความคิดเห็นว่า “การเลือกตั้ง” ไม่ใช่แค่การไปใช้สิทธิกาหมายเลขเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจับตาตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่า ทุกคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง มาจากประชาชนอย่างแท้จริง โดยเธอได้เกริ่นถึงโครงการที่กำลังดำเนินงานว่า

มายด์ได้ทำ “โครงการอาสาจับตาเลือกตั้ง” ที่ทำร่วมกันกับ iLaw ซึ่งโครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สะท้อนให้เห็นว่า พี่น้องประชาชนรู้สึกไม่ไว้วางใจ กกต. เขาจึงอยากเข้ามาเป็นอาสาจับตาในวันเลือกตั้ง เพราะว่าการเลือกตั้งปี 2562 ได้สร้างบาดแผลทางความรู้สึกให้กับเราอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการนับคะแนน

ความไม่ชอบมาพากลในส่วนนี้ ทำให้ทุกคนไม่อยากปล่อยให้ “การเลือกตั้ง” เป็นแค่เรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือเมื่อก่อนมันจะมีวาทกรรมว่า “การเมือง” เป็นแค่เรื่องของคนกลุ่มหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องของคนทุกคน แต่ตอนนี้ประชาชนเขาไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว

เขาคิดว่า “การเลือกตั้ง” ไม่ใช่แค่เรื่องของ กกต. เรื่องของพรรคการเมืองเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของพวกเราที่ต้องตรวจสอบในทุกจังหวะก้าว เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจที่โปร่งใสและเป็นธรรม ทำให้เราสามารถคาดหวังได้ว่า ประเทศจะเดินไปข้างหน้า หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาล

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

การเลือกตั้งปี 2566 กระบวนการเลือก ส.ส. มีการปรับเปลี่ยน แต่กลไกการโหวตเลือกนายกฯ ยังเหมือนเดิม  

แม้ในกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของจำนวนบัตรเลือกตั้ง จาก 1 ใบ เป็น 2 ใบ คือบัตรเลือก ส.ส.เขต และบัตรเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ด้วยกลไกการโหวตเลือกนายกฯ ยังคงเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน นั่นก็คือ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ยังคงมีสิทธิโหวตร่วมกับ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้เกิดคำถามว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว รัฐบาลชุดใหม่ จะแตกต่างรัฐบาลชุดเดิมหรือไม่ โดย “มายด์” ได้แสดงความคิดเห็นว่า  

ตอนปี 2562 มีประชาชนส่วนหนึ่งเขารู้สึกว่า อยากจะเลือกตั้ง แต่ตอนนี้มีจุดที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก คนเริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายมากกว่าการออกมาขายฝันของนักการเมือง มันจึงเป็นไปได้ว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบเดิม แบบงงๆ ขึ้นมาแบบครั้งก่อนนั้น อาจเป็นไปได้ยาก

แต่ด้วยกลไกที่ยังเหมือนเดิม จึงยังมีโอกาสเป็นไปได้ที่สุดท้ายแล้ว “นายกรัฐมนตรี” อาจเป็นคนนอก หรืออาจเป็น “คุณประยุทธ์” อีกรอบ เพราะว่า ส.ว. 250 คนยังเหลือวาระอีก 1 ปี (มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ) และยังคงเหนียวแน่นกับฝั่ง คสช. มากๆ ดังนั้นตำแหน่งนายกฯ ก็มีโอกาสอาจวนลูปกลับไปแบบเดิมได้  

แต่ในอีกความเป็นไปได้ นักการเมืองหลายคนอาจจะ “หน้าบาง” เมื่อเห็นว่าตอนนี้นักการเมืองและประชาชน ไม่อยากเอา “คุณประยุทธ์” เขาก็จะเลือกจับกลุ่มร่วมกันเป็นขั้วตรงข้ามกับ “คุณประยุทธ์” เพื่อความปลอดภัยต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของตัวเอง

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

คนรุ่นใหม่รับได้ไหม สมมติ “เพื่อไทย” กับ “พลังประชารัฐ” จับมือกันตั้งรัฐบาล

มีการพูดกันหนาหูขึ้นเรื่อยๆ กับสูตรตั้งรัฐบาล “เพื่อไทย” + “พลังประชารัฐ” ซึ่งหากดูจากท่าทางของฝั่งพลังประชารัฐ ก็คล้ายกับว่า ต้องการให้สังคมเชื่อเช่นนั้น ในขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” ได้มีแถลงการณ์ออกมาปฏิเสธแล้วก็ตาม

ซึ่ง “มายด์” ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า หากดีลข้างต้นเกิดขึ้นจริง เป็นสิ่งที่ “คนรุ่นใหม่” รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด

มายด์คิดว่าส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ เพราะว่าพลังของคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องตั้งแต่ปี 2563 เราศึกษาประวัติศาสตร์การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในปี 2553 ที่มันฝังลึกในจิตใจของเราพอสมควร

ทีนี้ถ้าเกิด “เพื่อไทย” จะไปจับมือกับ “พลังประชารัฐ” ในมุมของเพื่อนหลายๆ คนที่คุยกันเรื่องนี้มันเหมือน “คนเสื้อแดง” โดนหักหลัง โดนทรยศ แล้วพอเราไปคุยกับ “คนเสื้อแดง” เขาก็บอกว่าถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงรู้สึกอกหักมากๆ คงเสียใจมากๆ กับการตัดสินใจของ “พรรคเพื่อไทย”

และอีกจุดหนึ่งที่ต้องติดตามก็คือ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว จะมีการผลักดันให้มีการคืนความยุติธรรมให้กับ “คนเสื้อแดง” หรือไม่ ? ซึ่งมายด์คิดว่าจะเป็นอีกช็อตหนึ่งที่ “คนเสื้อแดง” หรือประชาชนที่ออกมาชุมนุม จะพยายามผลักดันให้มันเกิดขึ้นให้ได้

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

ความคิดเห็นของ “มายด์” กรณี “ทักษิณ” ประกาศว่า อยากกลับบ้าน ยอมติดคุก

ส่วนกรณีที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า อยากกลับประเทศไทย แม้จะต้องเข้าเรือนจำถูกคุมขังก็ตาม ซึ่ง “มายด์” ได้แสดงความคิดเห็นว่า 

จริงๆ มันเป็นสิทธิของ “คุณทักษิณ” จะกลับหรือไม่กลับก็ได้ มันเป็นการประเมินของตัวเขาเอง ซึ่งหลายๆ คนอาจมองว่า ถ้าเขากลับมา เขายอมติดคุก มันก็ดูแมนดี ดูเท่ดี แต่มายด์อาจมองในอีกแง่หนึ่ง

คือมายด์เป็นห่วงเรื่องการผลักดัน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว ตอนแรกที่มีข่าวออกมาว่า “คุณทักษิณ” จะกลับบ้าน หลายคนก็คิดว่า จะต้องมีการนิรโทษกรรมทางการเมืองแน่ๆ

แต่พอคุณทักษิณพูดว่า จะยอมกลับมาติดคุก ความหมายอีกนัยหนึ่งคืออะไร ? “พรรคเพื่อไทย” จะไม่ผลักดัน “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ต่อหรือเปล่า ? เพราะว่าขนาด “คุณทักษิณ” ยังยอมกลับมาติดคุกเลย สำหรับตัวมายด์เองจึงเป็นห่วงเรื่อง “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ซึ่งการพูดของ “คุณทักษิณ” มันจะมีผลต่อทิศทางของ “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” หรือไม่ ?

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

“มายด์” ในวันที่เผชิญหน้ากับ “บิ๊กป้อม”

อีกบทบาทหนึ่งที่ “มายด์” บอกว่า ทำในฐานะสื่อ ก็คือเดินทางไปพูดคุยกับนักการเมืองพรรคต่างๆ แต่ที่สร้างความฮือฮาให้มากที่สุด ก็คือบุกไปสัมภาษณ์ “พล.อ.ประวิตร” ในที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ  

วันนั้นมายด์ไปในฐานะสื่อมวลชน ตอนนี้มายด์ทำรายการ “มองมุมมายด์” ช่อง Friends Talk ทั้งบน Youtube และ Facebook เป็นรายการฟีลแบบ Politic Talk มีแขกรับเชิญมานั่งพูดคุย แต่ช่วงนี้มันใกล้เลือกตั้ง เราจึงลงพื้นที่ด้วย โดยมีชุดคำถามชุดหนึ่งที่จะถามทุกพรรคเหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง , รัฐธรรมนูญปี 60 , กลไกป้องกันไม่ให้รัฐประหารเกิดขึ้นอีก

มายด์ลงพื้นที่ครั้งแรกก็คืองานปราศรัยใหญ่ของ “พรรคเพื่อไทย” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “หมอชลน่าน” และ “คุณเศรษฐา” ซึ่งมายด์จะตามหมายข่าวจากพี่ๆ นักข่าวว่า พรรคไหนจะมีกิจกรรมอะไรบ้าง ทำให้วันนั้นรู้ว่า “พรรคพลังประชารัฐ” จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ที่ที่ทำการพรรคฯ โดยจะมีช่วงให้สื่อถามคำถามหัวหน้าพรรคด้วย

พอไปถึง บรรยากาศไม่ได้น่ากลัวอย่างที่กังวลไว้ตอนแรก ทุกคนก็แค่งงว่า มายด์มาทำอะไร พี่พีอาร์หรือคนที่คอยดูแล ก็ถามว่าจะมาทำรายการเหรอ แล้วก็บอกให้ขึ้นไปข้างบนเลย เขา (พล.อ.ประวิตร) อยากเจออยู่พอดี

พอเจอ “คุณประวิตร” เขาก็คุยด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ถามว่าวันนี้มาทำอะไร จะมาชู 3 นิ้วหรือเปล่า มายด์ก็บอกว่า “หนูไม่ได้มาชู 3 นิ้ว หนูมีชุดคำถามที่จะถามเหมือนกันทุกพรรคการเมือง อยากให้คุณประวิตรช่วยตอบ” เขาก็บอกโอเค ให้สัมภาษณ์พร้อมกับพี่ๆ นักข่าว

แต่ตอนนั้นมายด์หาช่องเข้าไปไม่ได้ พื้นที่แคบและนักข่าวก็เยอะมาก มายด์ก็เลยต้องมุดเข้าไปนั่งลงข้างล่าง เพื่อไม่ให้บังพี่ๆ นักข่าว คนก็เลยเข้าใจผิดว่า ทำไมนอบน้อมจัง

วันนี้นมายด์ก็ถามเรื่องนิรโทษกรรมทางการเมือง , รัฐธรรมนูญปี 60 และกลไกป้องกันรัฐประหาร เขาก็พูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม อย่างเช่น เรื่องรัฐธรรมนูญปี 60 เขาก็บอกว่า ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องแก้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีอยู่แล้ว

ไม่ได้พูดอ้อมๆ พูดตรงๆ แต่ว่าพูดด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้ม ไม่ได้มีท่าทีต่อต้าน เพราะปกติดูเหมือน “พลังประชารัฐ”  จะต่อต้านคนรุ่นใหม่ แต่พอเราไปที่พรรค ไม่ใช่เฉพาะ “คุณประวิตร” นะ คือหลายคนในนั้นก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร บ้างคนยังเดินเข้ามาให้กำลังใจ บอกสู้ๆ นะ ก็เป็นบรรยากาศที่แปลกเหนือความคาดหมาย

แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือ พอเราถามคำถาม “คุณประวิตร” จะตอบคำถามแบบยิ้มแย้ม แต่พอพี่ๆ นักข่าวถาม เขาแทบไม่ตอบอะไร แทบจะแยกเขี้ยวใส่ ตามที่เราเห็นในสื่อ

ถ้าให้มายด์วิเคราะห์ก็คิดว่า เขาเป็นคนที่เล่นการเมืองได้เก่งมาก ในเมื่อชูธงก้าวข้ามความขัดแย้ง เขาก็จะทำทุกอย่างให้ดูเฟรนด์ลี่ที่สุด ให้ไม่มีความขัดแย้ง ทำให้มายด์รู้สึกว่า เขาคือนักการเมืองจริงๆ เป็นนักการเมืองที่เก่งพอสมควรในการวางตัว เพื่อให้สอดรับกับเป้าประสงค์ที่เขาวางไว้

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

ยืนยัน ต้องมีช็อตไปสัมภาษณ์ “บิ๊กตู่” อย่างแน่นอน โปรดติดตาม

“มายด์” อธิบายว่าในการทำรายการของเธอ จะไม่มีการแจ้งแหล่งข่าวล่วงหน้า แต่จะไปเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งในกรณีการไปสัมภาษณ์ “บิ๊กตู่” เธอยืนยันว่า ไม่พลาดอย่างแน่นอน

ถ้ามายด์ไปพรรคการเมืองไหน จะไม่ติดต่อใครก่อน จะไปตามหมายข่าว สำหรับ “คุณประยุทธ์” ยังไงก็ต้องไปอยู่แล้ว เพราะว่ามายด์ตั้งใจไปหาทุกพรรค

แต่ว่าด้วยความที่พอเราไปหา “คุณประวิตร” แล้วเขายิ้มแย้มในการตอบคำถาม มันจึงมีการเปรียบเทียบว่า ถ้าไปหา “คุณประยุทธ์” จะได้รับการตอบรับอย่างนี้หรือไม่ หรือว่า “คุณประยุทธ์” จะให้คนมาบล็อก เพราะว่ามันเพิ่งมีข่าวตอน “คุณประยุทธ์” ลงพื้นที่ คุณป้าคนหนึ่งก็โดนปิดปากปิดจมูกแล้วก็ลากออกไป จึงมีข้อถกเถียงกันในโลกออนไลน์ว่า จะโดนหรือเปล่า ซึ่งถ้าไป มันก็จะมีข้อเปรียบเทียบขึ้นมาทันที

วันถัดมาพี่ๆ นักข่าวก็เลยไปถาม “คุณประยุทธ์” ว่า ถ้ามายด์มาจะทำอย่างไร เขาก็บอกว่า “มาแล้วได้อะไร” แต่ยังไงมายด์ก็จะไป กำลังหาจังหวะอยู่ เพราะว่าตอนนี้งานในโครงการก็ค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

อาสาสมัครจับตาเลือกตั้ง 66 โครงการตรวจสอบ “การเลือกตั้ง” ของภาคประชาชน

เมื่อช่วงต้น “มายด์” ได้เกริ่นถึงโครงการตรวจสอบการเลือกตั้งของภาคประชาชน ที่เธอได้เข้าไปมีส่วนรวมด้วย ก่อนกล่าวถึงโครงการนี้อีกครั้งในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ โดยได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้

โครงการอาสาจับตาเลือกตั้ง 66 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะทำให้การตรวจสอบการเลือกตั้งจากฝ่ายประชาชนเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยเลย

ซึ่งเราอยากจะได้อาสาสมัครทั้งหมด 1 แสนคน ประจำทุกหน่วยเลือกตั้ง เพราะหน่วยเลือกตั้งมีประมาณ 9 หมื่นกว่าหน่วย แล้วถ่ายรูปตอนที่มีการนับคะแนน ส่งกลับมาที่แพลตฟอร์มกลางของ Vote62 เพื่อที่เราจะได้มีข้อมูลไปยืนยัน ถ้าหากว่าการรายงานผลของ กกต. หลังจากจบการเลือกตั้งมันไม่ตรงกัน เราจะได้มีหลักฐานว่า มันมีการเปลี่ยนแปลงผลคะแนน

จึงอยากที่จะให้ทุกคนมาช่วยกัน แอดไลน์  Vote62 แล้วทางทีมงานจะส่งข้อมูลไปให้ จะมีการแจ้งว่า ช่วงไหนมีการฝึกอบรม หรือมีข้อมูลใดบ้างที่อาสาสมัครต้องรู้ แล้วเราจะมีแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” เพื่อให้ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ชนะไปด้วยกัน นำไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ให้อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ  เช่น ไปหา กกต. ไปหานักการเมือง ด้วยชุดข้อเสนอที่เราเตรียมไว้

“มายด์” ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล : เลือกตั้งปี 2566 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ?

ฝากถึงประชาชน นักการเมือง และผู้มีอำนาจ 

โดยสิ่งที่ “มายด์” ต้องการฝากทิ้งท้ายไว้ สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังถึง ก็มีด้วยกัน 3 ส่วน ดังต่อไปนี้ 

ส่วนแรกก็คือ อยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในสิทธิ ในอำนาจของตัวเอง และหวงแหนมันไว้ให้มากๆ ท่านต้องปกป้องสิทธิของท่านเอง การเลือกตั้งครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ต้องดูทั้งกระบวนการว่า เสียงของเราที่โหวตไปนั้น มันเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเราจริงๆ หรือเปล่า มันถูกนำไปดัดแปลง เปลี่ยนแปลง ไปทำให้ไม่มีค่าหรือไม่ 

ซึ่งถ้าเราไม่ช่วยกันปกป้องสิทธิ์ ผู้มีอำนาจอาจฉวยโอกาสทำให้เสียงของเราเป็นแค่การชุบตัวให้พวกเขาเข้าไปมีอำนาจอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว มันจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้อช่วยปกป้องสิทธิของตัวเอง  

ส่วนที่ 2 ขอฝากถึงพรรคการเมือง ในเมื่อคุณเสนอตัวมาเป็นผู้แทนราษฎร จงทำตัวให้เป็นผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่มาขายฝันเพียงฉากหน้า แล้วก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

ไม่ใช่แค่พูดลอยๆ พูดแต่ว่าให้เชื่อมั่นในตัวคุณ มายด์คิดว่าการเมืองแบบนี้มันขายไม่ออกแล้ว ถ้าคุณอยากจะเป็นผู้แทนราษฎรจริงๆ คุณต้องให้เหตุผลกับราษฎรให้ได้ว่า คุณจะแก้ปัญหาอะไรให้กับราษฎรบ้าง เพื่อที่จะให้เราตัดสินใจได้อย่างครบถ้วนว่า จะเลือกใคร ที่ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้จริงๆ  

แล้วก็มี “ข้อควรระวัง” ของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ถ้าคุณมั่วแต่ขายฝัน เลือกตั้งเสร็จแล้ว แต่คุณไม่ได้ทำตามที่คุณขายฝันกับพี่น้องประชาชน ต่อไปพรรคของคุณก็จะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก เพราะประชาชนเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว และอึดอัดกับการเมืองแบบเดิมๆ กับกลุ่มคนเดิมๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรให้กับประชาชน

ส่วนสุดท้ายค่ะ ฝากถึง “กลุ่มผู้มีอำนาจ” อยู่ในตอนนี้ ถ้าคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะง่ายดายในการชุบตัวเปลี่ยนผ่านอำนาจ เพื่อสร้างความชอบธรรม พอได้เข้าสภาก็กลับมากดขี่ประชาชน ควบรวมอำนาจ ควบรวมการจัดสรรทรัพยากร มายด์คิดว่า คุณจะย่ามใจแบบนั้นไม่ได้แล้ว

ถ้าคุณอยากเป็นผู้แทนประชาชนจริงๆ คุณต้องแสดงความจริงใจออกมา ในการนำเสนอหนทางแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่ใช่จ้องชุบมือเปิบ โกยผลประโยชน์จากทรัพยากรของประชาชน เราไม่ยอมง่ายๆ แล้ว และตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา เราแสดงให้เห็นแล้วว่า พร้อมที่จะสู้ยิบตา ถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น (ความไม่ชอบมาพากล) ในการเลือกตั้งครั้งนี้

logoline