เปิดคำต่อคำ "ทักษิณ" ยอมติดคุก ไม่นิรโทษกรรมการเมืองเพื่อคนคนเดียว

24 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับเกียวโด นิวส์ ระหว่างเยือนกรุงโตเกียวในวันศุกร์ ว่า กำลังอดทนรอเพื่อหวังอาจจะได้กลับประเทศในปีนี้ หลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศมานานหลายปี ถูกขับพ้นจากตำแหน่งจากการรัฐประหาร ในปี 2549 และออกจากประเทศไทยในปี 2551 เพื่อหนีโทษจำคุก

“ตอนนี้ผมรับใช้โทษในคุกใหญ่มานาน 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันให้ผมต้องอยู่ห่างจากครอบครัว ซึ่งเขาหมายถึงการใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศบ้านเกิด และบอกด้วยว่า “ผมทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว หากผมจะทุกข์อีกครั้งในคุกที่เล็กกว่า มันก็โอเค” 

อดีตนายกฯ ระบุด้วยว่า “มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นต้องจ่าย แต่ผมก็จ่าย เพราะผมต้องการอยู่กับหลาน ๆ ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูกและหลาน”

มหาเศรษฐีพันล้านนักประชานิยม ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544-2549 แสดงความเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่อยู่ในฟากของทักษิณ จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. ด้วยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

แพทองธาร ชินวัตร วัย 36 ปี ลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณ คาดว่า จะเป็นหนึ่งในสามผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุบสภาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้ง และอดีตผู้นำรัฐประหาร ที่ก้าวสู่อำนาจในปี 2557 จากการโค่นล้มรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย ประกาศด้วยว่าจะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง

ทักษิณหนีออกจากประเทศไทยในเดือน ส.ค. 2551 ก่อนศาลฎีกามีคำพิพากษาลับหลังให้เขารับโทษจำคุก 2 ปีในคดีผลประโยชน์ทับซ้อน

แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับนิรโทษกรรมจากรัฐสภา แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง โดยย้ำว่า “ผมบอกลูกสาวว่า อย่าให้พรรคผลักดันการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับผม” และ “ผมไม่ต้องการเพราะพวกที่ต่อต้านผมจะไม่มีความสุข” การกลับบ้านเพื่อรับโทษจำคุก ไม่ใช่การทรยศต่อผู้สนับสนุน ที่ต่อสู้เพื่อเขาด้วยการออกเสียงเลือกพรรคที่สนับสนุน ทักษิณ และจัดการชุมนุมครั้งใหญ่หลายครั้ง

ทักษิณ กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เพราะผมยอมรับว่า ผมทำอะไรผิด” และกล่าวโทษว่า เป็นเพราะระบบที่มีอคติต่อตัวเขา พร้อมคาดว่า ในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะสามารถกวาดที่นั่งได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งจาก 500 ที่นั่งที่มีการแข่งขัน และอาจมากถึง 310 ที่นั่ง เพราะคนไทยเบื่อหน่ายกับการบริหารประเทศนานหลายปีภายใต้พล.อ.ประยุทธ์

อดีตนายกฯ กล่าวด้วยว่า แม้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็ยังจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอื่น ๆ แต่เขามองว่ามีโอกาสน้อยมากที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับศัตรูทางการเมือง อย่าง พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุนกองทัพ โดยบอกว่า “มันอาจเป็นตัวเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ตัวเลือกแรก”

สมาชิกวุฒิสภา 250 เสียง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 เสียง จะเลือกนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิก 250 คนมาจากการคัดเลือกโดยกองทัพ

ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 พรรคเพื่อไทยกวาดที่นั่งมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร แต่พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นผู้สมัครชิงนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยเสียง 500 เสียง คว้าชัยชนะเหนือผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านที่ได้ 244 เสียง

พล.อ.ประยุทธ์ วัย 69 ปี ยังคงต้องการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรคใหม่ และ ทักษิณ เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมอ้างว่า วุฒิสมาชิกหลายสิบคนเป็นอิสระ และพร้อมลงคะแนนเสียงให้กับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ทักษิณ บอกว่า แพทองธาร พร้อมเดินสู่เส้นทางการเมือง เพราะเธอเรียนรู้การเมืองมาจากเขาตั้งแต่เธอยังเล็ก ๆ เขาคาดว่า เธอจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีกว่าเขา “เธออาจดีกว่าผม” และ “เธอสุขุมมากกว่า อดทนมากกว่าผม ผมคิดนะ และเธอเฉลียวฉลาดมาก”

แพทองธาร ซึ่งเป็นแม่ลูกหนึ่ง และกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 อาจกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของประเทศ หากได้รับเลือกตั้ง เธอเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากโพลล์หลายโพลล์ที่จัดขึ้นทำโดยมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของไทย