23 มีนาคม 2566 พรรคเพื่อไทย จัดเวทีปราศรัย อยุธยา คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ที่ตลาดน้ำอโยธยา อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา นำโดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางประชาชนเข้ามาฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่เกือบ 20,000 คน
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า รายได้ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสูงเป็นลำดับ 3 ประเทศ รายได้ต่อคนสูงเป็นลำดับ 6 ของประเทศ โดยมีรายได้อยู่ที่ 490,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 40,000 บาท แต่ในความเป็นจริงเมื่อได้สอบถามชาวอยุธยาพบว่า ไม่มีใครมีรายได้ถึง 40,000 บาท ปัจจุบันได้ค่าแรงแค่ 300-400 บาท เท่านั้น
จึงมีความสงสัยถึงที่มาของตัวเลขดังกล่าว เหตุใดจึงมีรายได้จริงต่ำกว่า 20,000 บาท ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้ามา จะทำให้พี่น้องมีรายได้ขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันให้ได้ และครอบครัวไหนมีเงินรายได้ต่อครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท เราจะเติมเงินในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจ
“เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ พาพี่น้องคนไทยออกจากไอซียูให้ได้ เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อไล่ประยุทธ์ออกไป เอาอนาคตกินดีอยู่ดี รายได้ที่ดี อนาคตลูกหลานได้เรียนหนังสือกลับมา” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว
ด้าน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยุธยาเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ พี่น้องประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรมายาวนาน แต่กลับเป็นหนี้เป็นสินมากมาย พรรคเพื่อไทยจึงขอนำเสนอนโยบายที่จะแก้ไขชีวิตความเป็นอยู่ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการนำเทคโนโลยีการเกษตรเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของพี่น้องเกษตรกรให้เหนื่อยน้อยลง แต่มีรายได้มากขึ้น เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนเหนื่อยมาพอแล้ว
พรรคเพื่อไทยจึงนำเสนอนโยบายดี ๆ มากมาย อย่าง ‘ขึ้นค่าแรง 600 บาท’ ที่เพื่อไทยจะทำให้ได้ก่อนปี 2570 และทำได้แน่นอน รวมถึงขออาสาให้พรรคเพื่อไทยเป็น เซลล์แมน นำสินค้าเกษตรไปขายในตลาดทั่วโลกให้พี่น้องประชาชน
“พอกันทีกับปัญหาความยากจน ดั่งคำกล่าวอยุธยาไม่สิ้นคนดี แต่วันนี้เราไม่ต้องการหน้ากากคนดี เราต้องการคนเก่งเข้ามาบริหารประเทศ คืนชีวิตที่กินดีอยู่ดีให้พี่น้องประชาชน เรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำทันทีหลังมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ขอโอกาสชาวอยุธยาเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนสไลด์ทั้งจังหวัด” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ขณะที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีโบราณสถานมากมาย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แสดงว่าการท่องเที่ยวน่าจะดี แต่เพราะผู้นำที่ไร้สมรรถภาพ ทำให้การท่องเที่ยวตกต่ำ รายได้หดหาย ซ้ำรัฐบาลยังไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาของประเทศชาติได้ อยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด เพื่อไทยก็ไม่สิ้นนโยบายดีๆ ฉันนั้น นับตั้งแต่ไทยรักไทย จนมาถึงเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำพาความเจริญมาให้พี่น้องประชาชนโดยตลอด
ซึ่งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ดี มาเสนอ 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายเติมเงิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน นโยบายเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในพื้นที่ท้องถิ่น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะโคม่าให้ฟื้นคืนชีวิต ปั๊มหัวใจคนไทยให้มีศักดิ์ศรีและกินดีอยู่ดีอีกครั้ง เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าในเวลา 4 ปี และ ยังมีทางออกสำหรับ PM 2.5 ที่ส่วนหนึ่งมาจากการเผา
“คนอยุธยาส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร มีอาชีพหลักทำนา ผมมาอยุธยาเป็นที่แรกหลังเข้ามาสู่เวทีการเมือง ได้มาฟังปัญหาการทำนา นำไปปรึกษาหารือทีมเศรษฐกิจ ปัญหาข้อหนึ่งพบว่า มีเรื่อง PM2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่ทั่วประเทศ มีคนว่าเพราะอยุธยาทำนาเสร็จก็เผา ทำให้เกิด PM2.5 พรรคเพื่อไทยจะช่วยพี่น้องด้วยการใช้นวัตกรรมทำให้ไม่ต้องเผา แต่จะใช้จุลินทรีย์ทำลายซากข้าวแทน ถ้าอยากได้นโยบายดีๆ 14 พฤษภาคม นี้ โปรดเลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 5 เขต ให้แลนด์สไลด์ทั้งอยุธยา” นายเศรษฐา กล่าว
ส่วน นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังวงเวียนอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังมีภาพเผยแพร่โดยทั่วไปว่าพรรคการเมืองสองพรรคกินข้าวกัน มีคนไปถามรัฐมนตรีคนหนึ่งยอมรับว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะไปร่วมกับใคร แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะตั้งรัฐบาลโดยเอาพลเอกประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
เหลือแต่พี่น้องประชาชนที่ยืนอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย และเลือกพรรคการเมืองที่ทำนโยบายได้จริงอย่างพรรคเพื่อไทย จะร่วมแสดงพลังให้เห็นอีกครั้งว่า รัฐบาลที่ทำความเสียหายให้ประเทศจะกลับมาบริหารประเทศอีกไม่ได้แล้ว รัฐบาลหน้าต้องเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งคือพรรคเพื่อไทย