21 มีนาคม 2566 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการเตรียมรับมือคำร้องเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง จากศาลปกครองสูงสุดว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหมายศาล โดยยืนยันว่าจะจัดการเลือกตั้งตามหน้าที่ ที่รัฐธรรมนูญกำหนด และเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาลที่ชัดเจนก่อน
นายแสวง กล่าวต่อ การลงพื้นที่หาเสียงของพรรคการเมืองและว่าที่ผู้สมัคร ขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับข้อง หากต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ทุกคนอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ ให้เคารพกฎหมายในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นกกต. พนักงานจัดการเลือกตั้ง และรัฐบาลรักษาการ ที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่ใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ ในการให้คุณหรือให้โทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
เชื่อว่าหากทุกคนได้ปฏิบัติตามกฎหมาย การบริหารและการจัดการเลือกตั้ง จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะออกมาดี แต่ยอมรับว่าการแข่งขันการเลือกตั้ง อาจจะมีความรุนแรงตามที่มีข่าวออกมา แต่กกต.ก็มีมาตราการที่จะดูแล
“วันนี้จะถือว่าเป็นวันนับหนึ่ง ในการเริ่มจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขใหม่ ช่วงแรกการหาเสียงอาจจะยังไม่เข้มข้น แต่เมื่อรู้เขตเลือกตั้งชัดเจน และประกาศวันเลือกตั้งอาจจะทำให้การหาเสียงเลือกตั้งเข้มข้นยิ่งขึ้น”
ส่วนประเด็นเรื่องคำร้องเรียนในช่วง 180 วันก่อนการเลือกตั้งนั้น กกต.ยังคงดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเคลื่อนไหวสื่อสารกับประชาชน ไม่ให้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นายแสวง กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญคนไทยมีสิทธิเสรีภาพ แต่ขณะเดียวกันเมื่อใช้สิทธิ์ต้องเคารพกฎหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าวต้องดูในข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมาแล้ว จะทำได้แค่ไหนอย่างไร โดยกฎหมายให้ความคุ้มครองและให้การแข่งขันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ซึ่งหากนายชูวิทย์ไม่ผิด ก็ทำได้ตามกฎระเบียบ แต่ก็ต้องดูตามข้อเท็จจริงว่า เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
เมื่อถามย้ำว่า การรณรงค์ไม่ให้เลือกใคร ผิดกฎหมายหรือไม่ เลขาฯกกต. ชี้แจงว่า ต้องไปดู มาตรา 73 ได้กำหนดไว้ ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองรณรงค์ให้ประชาชน ร่วมบริจาคเงินทำป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น เบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว ชี้แจงว่า อาจเป็นรูปแบบการหาเสียง ตามมาตรา68 คือผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นพรรค หรือตัวผู้สมัคร ส.ส.สามารถรับบริจาค จากบุคคลได้เพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง เฉพาะช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกา ถ้ารวมกันแล้ว เกินจำนวน 10,000 บาทใน 1 วัน จะต้อง แจ้งกกต.ทราบภายใน 7 วัน