17 มีนาคม 2566 หลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่พบกับประชาชนและผู้บริหารท้องถิ่นที่ศูนย์กีฬา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อร่วมกิจกรรมกับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีกลุ่มแฟนคลับกลุ่มเดิมจากศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ มาชูป้ายเชียร์ รอต้อนรับอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร โดยนายกรัฐมนตรีได้รับมอบดอกไม้ให้กำลังใจและใช้โทรศัพท์มือถือตัวเองถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกับกองเชียร์อีกด้วย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีใครสูงวัยเลยในที่นี้มีแต่ คนสูงประสบการณ์ วันนี้(17 มี.ค.) ดีใจที่ได้มาพบกับชาวจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงอีกหลายจังหวัดที่มาด้วยกันตั้งแต่เช้า พร้อมกล่าวว่า
“วันนี้ฉันงงเพราะพูดมา 4 วันแล้วไปหลายพื้นที่ มาไม่ได้อะไร คือมาเยี่ยม มาทำหน้าที่นายกฯ และยังเป็นอีกหลายเดือน ก็ต้องมาดูว่ามีอะไรติดค้างอยู่หรือไม่ มีอะไรที่จะแก้ไขได้หรือไม่ในตอนนี้ เพราะวันหน้าหากยุบสภา นายกฯก็ยังอยู่ รัฐบาลก็ยังอยู่ แต่จะทำงานได้มากน้อยเพียงใด วันนี้จึงต้องดูว่าทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้มาทำอะไรเหมือนที่เขาว่ากัน ผมอยากจะไปทุกที่ วันๆก็มีงานเยอะประเทศไทยก็มีหลายอย่างและมีคนดูหลายประเภท”
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เรามีคำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในหัวใจของคนไทยทั้งชาติ นี่ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของเรา โดยจะต้องมองว่า จะเดินหน้าไปอย่างไร จะนำพาคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย เจริญเติบโตไปด้วยกันได้อย่างไร ขออย่ากลัวว่ายุทธศาสตร์ชาติจะเป็นการคงอำนาจ
อำนาจจะต้องการไปทำไม มีกฎหมายอยู่แล้วทุกตัว หน้าที่ของเราคือ ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทำงานตลอดไป ปีที่ผ่านมาหลายคนเป็นห่วง มือเจ็บอยู่เดี๋ยวก็คงหายพระเป่าคาถาให้ 3 ครั้ง บอกว่าเดี๋ยวก็หาย มันไกลหัวใจ ไอ้ที่มันเจ็บ เจ็บที่ใจมากกว่ามือ ไม่เจ็บหรอก อย่าทำให้ใครเจ็บอกเจ็บใจเท่านั้นเอง เป็นนายกรัฐมนตรีต้องอดทน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าว ชื่นชมมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทำหลายอย่างที่ตรงใจว่า จะทำอย่างไรไม่เพิ่มเงินค่าสิ่งของที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพลังมากที่สุด ในเรื่องของอาหาร การเกษตร หากราคาต่ำ ขายแบบเดิม ขายเฉพาะเป็นวัตถุดิบ แล้วส่งไปแปรรูปนำกลับมา ทำให้เราซื้อของเราที่แพงกว่าเดิม เพราะฉะนั้นนโยบายที่ทำมาตลอด คือทำอย่างไรให้สินค้าเหล่านี้ ให้เกิดผลประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่เราจะทำได้ตอนนี้คือ ทำให้สินค้ามีคุณภาพดีต่อสุขภาพ เพราะโลกให้ความสำคัญกับ“สุขภาพ”คนกลัวแก่ คนกลัวตาย
พล.อ.ประยุทธ กล่าวต่อ ตนเป็นทหารเก่าไม่ต้องการให้แตกแยก ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งในอนาคต มันไม่ไหวแล้ว จะเกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ได้แล้ว ตนบอกไว้ก่อน อีกทั้งทุกคนมีติดตัวไม่ต้องลงทุนอะไรเลยก็คือ รอยยิ้ม เจอกันยิ้มเข้าไป ดูซิว่าจะโกรธเราอยู่อีกหรือไม่ จะทะเลาะกับเราอยู่อีกหรือไม่ ถ้ายังไม่เลิกก็ต้องไปว่ากัน แต่อย่าไปตีกับเขาเท่านั้นเอง กฎหมายมีอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า “ผมไม่เห็นคนแก่เลย อายุรุ่นเดียวกับผมทั้งนั้น เผลอแป๊บเดียวแก่แล้ว แต่ใจยังแก่ไม่ได้ ถ้าเราต้องทำงานต้องมีความรับผิดชอบ แก่ไม่ได้จริงๆ เราเป็นพ่อเป็นแม่เป็น ปู่ย่าตายาย แก่ไม่ได้ต้องดูแลลูกหลาน และลูกหลานก็ต้องดูแลพ่อแม่เหมือนกัน”
นายกฯ กล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาว่า นี่ไม่ได้มาโฆษณาหาเสียงอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง เหงาหรือเปล่า เปิดโทรทัศน์ดู ก็ดูว่าทะเลาะกันอีก น่าเห็นใจ จริงๆเวลาโมโหให้นับ 1-10 เหมือนนายกฯมันก็หาย และนายกฯนับถึง 3 มันก็หายไปแล้ว พระบอกให้นับถึง 10 ใจเย็นๆ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ไหวสุขภาพแย่ วันนี้ดีใจที่ได้มา เพราะคุ้นเคยกับชาวเชียงใหม่อยู่แล้ว หลายคนอาจจะจำไม่ได้ตนเคยมาที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เป็นนายพัน เป็นผบ.ทบ.ก็มา รัฐมนตรีมหาดไทยก็มา(พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เป็นทหารเหมือนกับตนคุ้นเคยชาวเชียงใหม่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เราต้องทำให้ดีที่สุดในฐานะเป็นรัฐบาล วันนี้ก็คือวันนี้ ตนพูดถึงวันนี้ก่อน วันหน้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ก่อนที่จะถอนหายใจและกล่าวว่า ตนพูดคนเดียวเลยหรือ พูดมา 3-4 วันแล้ว วันนี้ตนไม่ได้มาหาเสียง แต่มาดูว่าเป็นอย่างไร หลายเรื่องผมให้หน่วยงานมาตรวจสอบ มาดูว่าทำอะไรตรงไหนอย่างไร เพราะมีกฎหมายกำกับอยู่ในการใช้จ่ายงบประมาณจะต้องมีการระมัดระวังให้ได้มากที่สุดฝาก อบต., อบจ., อสม. นายกฯทั้งหลาย ขอให้ทำงานให้มากขึ้น หนักขึ้นรู้ว่าทำงานหนักอยู่แล้วทำงาน 24 ชั่วโมงถึงต้องดูแล อบต., อบจ แต่ก็ทำให้ดีแล้วกันอย่าให้มีปัญหา จะเลือกตั้งแล้วต้องเรียบร้อยให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน
รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ทุกเรื่องแก้ได้ด้วยพวกเรา ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ทั้งป้องกันปราบปราม จับกุมดำเนินคดี บำบัดรักษา ทั้งหมดต้องปรับทั้งระบบใหม่ทั้งหมด นายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม แต่ทั้งหมดนายกฯทำคนเดียวไม่ได้ แต่ทุกคนทุกระดับต้องช่วยกันทำ นายกฯโทษใครไม่ได้ เมื่อได้เป็นผู้นำรัฐบาล ที่จะต้องทำให้ทุกกระทรวงที่อยู่ร่วมกันกับรัฐบาล ทำงานไปด้วยกันให้ได้
นี่คือการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี ที่มีรัฐมนตรีมาจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งก็ทราบดีว่าอยู่ที่พวกท่านเลือกมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ช่วยกันเลือกที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ หลายปีที่ผ่านมาก็เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ตนไม่ขอเล่า ไม่ขอพูด ก่อนที่จะถอนหายใจว่า มีใครจะเล่าใครจะพูดถามอะไรหรือไม่ เห็นหน้าก็ดีใจแล้ว
ก่อนจะอ่านข้อความบนเสื้อชาวบ้านที่มารอ “ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ” แต่ตนอยากให้ชาวนาหลังตรงๆมันเหนื่อย ตนก้มหลังอย่างเดียวยังเหนื่อย สมัยก่อนครอบครัวญาติๆตนก็ทำเกษตรเหมือนกัน ลองไปทำแค่ครึ่งวันปักดำนาก็ตายแล้ว วันนี้จะทำอย่างไรให้เครื่องจักร เครื่องยนต์เข้ามาช่วยได้ กำลังหาวิธีการอยู่ ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็พยายามอยู่ทุกจังหวัด
“มีอะไรอีกหรือไม่ วันนี้กลับไปต้องนอนละเมอแน่เลยพูดตั้งแต่เช้า วันนี้กลับไปคงจำชื่อตัวเองไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ประยุทธ์เหมือนเดิม ประยุทธ์คนเดิม ขอบคุณทุกคนขอให้มีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป ขอให้เป็นผู้สูงอายุที่มีคุณค่าเข้าใจหรือไม่เป็นหลักของสังคม เป็นหลักของบ้านของเมือง เข้าใจหรือไม่คนสูงอายุทั้งหลาย ใครไม่แก่ให้มันรู้ไปสิ สักวันเขาก็เหมือนเราแต่เราต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ วันหน้าหากมีโอกาสได้ทำ เดี๋ยวก็จะหาว่าหาเสียงอีกผมไม่ขอพูด”
หลังจากนั้นได้มีตัวแทนชาวนา เดินไปมอบดอกไม้ให้นายกรัฐมนตรีที่หน้าเวที เพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ต่อจากนั้นได้มีการเปิดเพลงรักเธอเสมอ
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดินพบปะกับชาวบ้าน ได้มีคนตะโกนให้ “นายกรัฐมนตรีสู้ๆ” นายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า เขาบอกให้นายกสู้ๆ นายกอยู่มา 8 ปีแล้ว หลังจากนั้นมีกองเชียร์เชียร์ให้ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ” นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบว่า ก็ขึ้นอยู่กับทุกคน อะไรที่มันดีก็จะทำต่อตนพูดไม่ได้มากกว่านี้ เดี๋ยวจะมีปัญหากฎหมายเขาห้ามพูด ตนแก่จะแย่อยู่แล้วขอบคุณนะ วันนี้ค่าสูงอายุเราเพิ่มเป็น 1,000 บาทแล้วใช่หรือไม่