svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“บิ๊กตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์ ย้อนตำนานเกมยี้ ขยี้อำมหิต

15 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล" ชี้ “บิ๊กตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์ ตอบโจทย์แฟนคลับ พร้อมเล่าย้อนเหตุการณ์เกมยี้ ขยี้กลุ่ม 16 ในอดีต ที่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งกับ “พรรคภูมิใจไทย”

"รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล" นายกสมาคมรัฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิเคราะห์เจาะลึก อธิบายถึงมวยสไตล์ “บิ๊กตู่” และเล่าย้อนตำนานเกมขยี้นักการเมืองกลุ่ม 16 โยงเข้ากับสถานการณ์ที่ “พรรคภูมิใจไทย” กำลังประสบในวันนี้  

ทำความเข้าใจ “ลุงตู่” บนเส้นทางขวาสุดขอบ

“รศ.ดร.ธนพร” อธิบายไล่เรียงถึงความเป็นมาในเส้นทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” ที่ทำให้ต้องแสดงบทบาทดุดัน ไม่ประนีประนอม ไม่ยอมก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะมีจุดขายชัด ในการปะฉะดะกับขั้วตรงข้าม

เกมของ “ลุงตู่” ท่านเดินทางอื่นไม่ได้จริงๆ คือเราก็ต้องมองท่านอย่างเข้าใจ คือ “ลุงตู่” ตอนขึ้นมา ท่านก็ขายความเป็นตัวตนของท่านแบบนี้ แล้วเราลองคิดดูซิว่า ถ้า “ลุงตู่” ไปทำตัวเป็นผู้ประนีประนอมแบบ “ลุงป้อม” แล้ว “ลุงตู่” จะมีหน้าสู้ใครล่ะครับ

คือเราก็ต้องเข้าใจท่านนะ ปี 2557 ท่านออกมาไล่ฟาดนักการเมือง จับจำนำข้าว จับอดีตนายกฯ แล้วจะให้ท่านเล่นบทไหน แล้วถ้าวันนี้ท่านบอกจะมาสร้างความปรองดอง ประนีประนอม มันก็ไม่แฟร์กับท่าน

ผมก็ต้องบอกตรงๆ ว่า แฟนคลับที่ชอบท่านในลีลาปะฉะดะ เกลียดผู้แทน สภาผู้แทนเป็นสภารวมคนชั่ว มีอยู่จริง ท่านก็ต้องเดินหน้าแบบนี้ ต้องเข้าใจท่าน แต่ถ้าท่านเดินหน้าแล้ว แพ้ก็ต้องยอมรับ แพ้ก็คือแพ้ ต้องว่ากันตามกติกา “ลุงตู่” ก็ไม่ได้ไปต่อ ซึ่งจริงๆ แล้วเนี่ย “ลุงตู่” มีทางเลือกได้ แต่ท่านเลือกทางนี้

ทางเลือกที่ท่านไม่เลือกมาตั้งแต่ต้นคือ การประกาศว่า “พอแล้ว” แบบป๋าเปรม ผมย้ำเลยนะครับ “ลุงตู่” มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางที่ 1 ท่านไม่เลือกแล้ว แต่ท่านเลือกทางที่ 2 คือ “ไปต่อ” แสดงว่าท่านมั่นใจในจุดเด่นของท่าน ท่านมั่นใจว่าแฟนคลับท่านเยอะ แล้วอยู่ดีๆ จะให้ท่านเปลี่ยนลุคเป็นแบบ “ลุงป้อม” แล้วท่านจะเอาหน้าไปสู้ใครล่ะครับ ท่านก็ต้องเป็นแบบนี้แหละครับ อันนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่านด้วย

ผมไม่ได้ตำนิติเตียน “ลุงตู่” และไม่เคยบอกว่า การที่ท่านตัดสินใจเป็น “ขวาจัดฟาสซิสต์” เป็นเรื่องที่ผิด เพราะว่ามันคือตัวตนของท่าน ท่านเชื่ออย่างนี้ แล้วท่านก็ไม่เปลี่ยน เพราะท่านมั่นใจว่า สิ่งที่ทำมันถูก ท่านจึงเปลี่ยนมอตโต้ จาก “รื้อ ลด ปลดเปลื้อง” ซึ่งมันไม่เข้ากับ “ลุงตู่” มาเป็น “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

“บิ๊กตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์ ย้อนตำนานเกมยี้ ขยี้อำมหิต

บทความที่น่าสนใจ

“ลุงตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์

ยิ่งการเลือกตั้งใกล้เข้ามา หลายพรรคก็เริ่มแสดงวิสัยทัศน์และบอกเล่าถึงนโยบายต่างๆ แต่ในกรณี “พรรครวมไทยสร้างชาติ” นั้น “รศ.ดร.ธนพร” ชี้ว่า แม้ในวันนี้ยังไม่มีนโยบายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่สิ่งที่ทำให้โดดเด่นก็คือ “จุดขายที่ชัดเจน”

ผมไม่รักใคร ไม่ได้เกลียดใคร เพียงแต่ผมพยายามอธิบายในฐานะที่มีประสบการณ์ในการตัดสินใจเรื่องการเมืองในหลายๆ ปีที่ผ่านมา ผมเข้าใจว่า การตัดสินใจของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะว่าเงื่อนไขที่เข้าสู่เส้นทางการเมือง มันไม่เหมือนกัน

ตอนที่ “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม”เข้ามา มันก็ไม่เหมือนกันนะ “ลุงตู่” เข้ามาในฐานะผู้ลงมือรัฐประหาร ส่วน “ลุงป้อม” เข้ามาในฐานะผู้สนับสนุนการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้น ต้นทุน การกำหนดเกมก้าวเดินของ 2 ลุง จึงมีสตอรี่ที่ต่างกัน

และนี่เองมันถึงทำให้การเดินเกมของ “ลุงป้อม” ยืดหยุ่นกว่า ขณะที่ “ลุงตู่” ท่านเลือกทางอื่นไม่ได้ ถ้าเป็นมวย ท่านเป็นมวยไฟต์เตอร์ เดินหน้าต่อย ต้องน็อกให้ได้ เพราะท่านคิดว่า คนดูชอบมวยสไตล์นี้

แต่วันนี้ “ลุงป้อม” ท่านออกสเต็ปแบบ “สมรักษ์ คำสิงห์” เวลาต่อยมวยไม่ต้องเจ็บตัว แต่ได้แต้ม อันนี้มันก็เป็นเรื่องของโค้ช เป็นเรื่องของเทรนเนอร์ เป็นเรื่องของทีมงาน พี่เลี้ยง ว่าวางแนวทางการต่อสู้อย่างไร เขาก็พิจารณาเหมือนผมเนี่ยแหละว่า สตอรี่ที่มาที่ไปของผู้นำเขา ควรจะไปทางไหน

อย่างวันที่ไปโคราช เป็นวันที่ “ลุงตู่” ออกอาวุธเลยนะครับ ท่านออกหมัดซัด “พลังประชารัฐ” ซัด “ภูมิใจไทย” และซัด “ประชาธิปัตย์”

การที่ท่านพูดเรื่อง “ประกันรายได้” มันไปไม่ไหว แล้วท่านก็เสนอเรื่องไร่ละ 2,000 บาท อันนี้ก็คือซัด “ประชาธิปัตย์” การที่บอกว่า เติมเงินบัตรสวัสดิการฯ เอาไป 1,000 บาทเลย อันนี้ก็ซัด “ลุงป้อม” การที่บอกว่า ใครล่ะเอาโควิดอยู่ ทำโครงสร้างพื้นฐาน ท่านใช้คำว่า อย่าลืมนะว่า ใครเป็นคนอนุมัติ ก็ซัด “ภูมิใจไทย” เต็มๆ

“บิ๊กตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์ ย้อนตำนานเกมยี้ ขยี้อำมหิต

ย้อนตำนานเกมยี้ ขยี้กลุ่ม 16

จากสไตล์มวยไฟต์เตอร์ “ลุงตู่” ที่ดุดัน “รศ.ดร.ธนพร” ได้เชื่อมโยงไปยังเกมการเมืองในอดีต ที่ได้มีการนำมาบดขยี้พรรคการเมืองพรรคหนึ่งในวันนี้ ทั้งประเด็น "ปมประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม" , "กัญชาเสรี" และ "รุกที่ดินเขากระโดง ที่ จ.บุรีรัมย์"

คือผมไม่ยืนยันหรอกครับว่า ใครรับงานใคร แต่ผมกำลังจะอธิบายว่า ผลที่ได้ มันได้อะไร ผมขอย้อนเวลากลับไปสมัย “รัฐบาลคุณบรรหาร” ประมาณ ปี 2538 เกือบ 30 ปีที่แล้ว เราจำได้ไหมครับว่า ตอนนั้นมันมีกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเรียกว่า “กลุ่ม 16” แล้ว “พรรคประชาธิปัตย์” ก็ขยี้กลุ่มนี้ โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นที่มาของ “กลุ่มรัฐมนตรียี้”

ภาษาปัจจุบันเขาเรียกว่า “การตีตรา” หรือการทำให้ความเชื่อเป็นความจริง คือทำให้คนเชื่อว่า คนกลุ่มนี้คือคนชั่ว สลักหลังเอาไว้เลยว่า “กลุ่มยี้” ซึ่งมันก็มีผลให้พลังทางการเมืองของคนกลุ่มนี้ลดน้อยถอยลง เพราะสังคมไม่เอา สังคมไม่มีการตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

และวันนี้ “พรรคภูมิใจไทย” ก็โดนอาวุธของ “รวมไทยสร้างชาติ” ดอกนี้แหละครับ ซึ่งแกนนำของ “รวมไทยสร้างชาติ” ในปัจจุบัน ก็คือผู้ลงมือปฏิบัติการตีตรา “กลุ่ม 16” ให้ได้ชื่อว่า “กลุ่มยี้” เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว

เราอย่าลืมนะครับว่า “รวมไทยสร้างชาติ” ไม่มีทางได้คะแนนเสียงเลือกตั้งเท่า “ภูมิใจไทย” แต่วิธีการก็คือ ต้องทำให้โหวตเตอร์เลือก “ภูมิใจไทย” น้อยลง เลือก “รวมไทยสร้างชาติ" มากขึ้น เพื่อไม่ให้แต้มมันห่างกัน

แล้วเวลาเขาต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ผู้มีพาวเวอร์ ผู้มีบารมี ครูใหญ่ใน “พรรคภูมิใจไทย” ก็จะถูกสังคมยี้ สังคมไม่ไว้วางใจ สังคมหวาดระแวงว่า คนเหล่านี้คือคนที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์ทางการเมือง ก็เท่ากับเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับ “ลุงตู่” ในการจัดตั้งรัฐบาล

จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนหรอกครับ ถ้าเราเข้าใจกลยุทธ์ทางการเมือง เริ่มจากคำว่า “การเมือง คือการทำให้ความเชื่อ เป็นความจริง” ถ้าวันนี้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า นักการเมืองคนนั้นไม่ดี นักการเมืองคนนั้นก็มีโอกาสน้อยมากที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ตัวเองต้องการได้ เท่ากับว่าอำนาจต่อรองของเขาลดลง

“บิ๊กตู่” มวยสไตล์ไฟต์เตอร์ ย้อนตำนานเกมยี้ ขยี้อำมหิต

เกมยี้อำมหิต ขยี้จุดอ่อน

“รศ.ดร.ธนพร” ระบุว่า เกมการเมืองที่ “พรรคภูมิใจไทย” กำลังประสบ จะบอกว่าไม่เป็นธรรม ก็ไม่ใช่สักทีเดียว เพราะต้องยอมรับ “พรรคภูมิใจไทย” เองก็มีข้อกังขาในประเด็นที่ถูกพาดพิง “เกมยี้อำมหิต ขยี้จุดอ่อน” ในอดีต จึงถูกนำกลับมาใช้กับพรรคดังกล่าว...อีกครั้ง

ผมอ่านเกมจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อ่านตามหน้าไพ่ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด เพราะสิ่งที่มันเกิดขึ้น เป็นสิ่งยืนยันว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ต้องมีการจัดเตรียม ไม่เช่นนั้นกระบวนการทุกอย่างมันไม่ไหลลื่นอย่างนี้ แล้วใครได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ล่ะครับ

พรรคที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุดคือ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” เพราะจุดขายของเขาคือ ความซื่อสัตย์สุจริต วันนี้มีใครเห็นนโยบายของ “รวมไทยสร้างชาติ” บ้าง ? เพราะขายอย่างเดียวคือ “ลุงตู่ผู้ซื่อสัตย์” แล้วก็สาปแช่งนักการเมืองที่โคตรโกง มันมีอะไรมากไปกว่านี้อีกล่ะ

การแข่งขันทางการเมือง มีแท็คติกหลายรูปแบบ ทั้งจัดการความเสี่ยง ส่งเครือข่ายไปลงหลายๆ พรรค ฝากเลี้ยง ฯลฯ ทุกคนก็ปรับแท็คติกไปตามสถานการณ์ แต่กรณีนี้ก็คือ ทำให้เห็นว่า “ลุงตู่” เป็นผู้นำที่เด็ดขาด ที่เกลียดการคอร์รัปชั่น แล้วก็พร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายกับเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งตรงนี้เป็นจุดขายของ  “รวมไทยสร้างชาติ”

แล้วเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม เรื่องกัญชา มันก็มีข้อกังขาจริงๆ แต่ในทำนองเดียวกัน “พรรคภูมิใจไทย” ก็ได้มีโอกาสชี้แจง เพราะนี่คือการแข่งขัน คือการต่อสู้ทางการเมือง

logoline