svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จัดอันดับทีมเศรษฐกิจ พรรคใดปัง พรรคไหนแป้ก

04 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ชำแหละ "ทีมเศรษฐกิจ" ของ 7 พรรคการเมือง ในศึกเลือกตั้ง 2566 อย่างเจาะลึก พร้อมจัดอันดับความปัง

Nation Online สัมภาษณ์พิเศษ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มก. ชำแหละให้เห็นชัดๆ ทีมเศรษฐกิจในเวลานี้ ของพรรคการเมืองใดปัง พรรคการเมืองใดแป้ก ก่อนจะมีการจัดอันดับความเจ๋งปิดท้าย ดังต่อไปนี้

พรรคเพื่อไทย

ในแง่ของการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม “คุณเศรษฐา” ก็ผ่านการบริหารธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการครอบครัวของท่าน คือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มันเกี่ยวข้องกับธุรกิจอื่นๆ มากมาย รวมถึงเรื่องค่าแรงฯ ด้วย

ดังนั้นในแง่ของการมีประสบการณ์บริหารบริษัททอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ให้ผ่านพ้นวิกฤต เช่น วิกฤตทางเศรษฐกิจ วิกฤตโควิด และอีกหลายๆ วิกฤต มันก็เป็นเครื่องยืนยันว่า “คุณเศรษฐา” เป็นบุคลากรที่มีความสามารถ เพราะมาจากภาคธุรกิจจริงๆ

และเมื่อคนที่ทำธุรกิจจริงๆ ได้รับการเปิดตัวว่าอยู่ในทีมเศรษฐกิจของ “พรรคเพื่อไทย” มันก็เป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” เข้าใจผู้ประกอบการจริงๆ นี่ยังไม่รวมถึงคอนเนคชั่นในแวดวงธุรกิจของ “คุณเศรษฐา” 

ดังนั้นการชู “คุณเศรษฐา” ในทีมเศรษฐกิจ ก็ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับการดำเนินนโยบายของ “พรรคเพื่อไทย” ใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ พี่น้องประชาชนโดยทั่วไปก็มั่นใจได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” มีผู้มีความสามารถในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ  

ประเด็นที่ 2 ผู้ประกอบการก็มั่นใจได้ว่า ทีมเศรษฐกิจของ “พรรคเพื่อไทย” เคยดำเนินธุรกิจจริงๆ เมื่อเข้ามาสู่การบริหารนโยบาย ก็จะเข้าอกเข้าใจผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแรงให้กับ “พรรคเพื่อไทย”

ดังนั้นการเปิดตัว “คุณเศรษฐา” จึงสรุปได้ว่า 1. “พรรคเพื่อไทย” ต้องการบลัฟกับพรรคคู่แข่งฝ่ายตรงข้าม อันนี้เห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับ “ลุงตู่” ก็ยิ่งชัดเจน

2. ต้องการบลัฟคู่แข่งซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกัน (พรรคก้าวไกล) ซึ่งตรงนี้ “พรรคเพื่อไทย” คิดแล้วว่า เขายิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว

เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย

บทความที่น่าสนใจ

พรรครวมไทยสร้างชาติ

“พรรครวมไทยสร้างชาติ” วันนี้ยังไม่ได้เปิดนโยบายอะไรมากมาย แต่ 90 % ตอนปราศรัยที่โคราช ก็มีแต่นโยบายการใช้เงิน ที่อยู่บนหลักการของ “ลุงตู่” คือ เงินมีน้อย ใช้สอยแต่พอประมาณ

เพราะฉะนั้นแล้ว อะไรที่มันเข้าข่ายประชานิยม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ก็จะปฏิเสธทันที เช่น “ลุงตู่” บอกว่า ประกันรายได้เกษตรกรมันต้องใช้เงินเยอะ “ลุงตู่” จึงเสนอเรื่องต้นทุนการผลิต 2,000 บาท เรื่องการให้ความช่วยเหลือคนยากไร้ กลุ่มเปราะบาง “ลุงตู่” ก็เติมเงินให้ 1,000 บาท ซึ่งจุดที่ผมต้องคอมเม้นต์ก็คือ ความคิดทั้งหมดมันคือเรื่องการใช้เงิน แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ยังไม่บอกเลยว่า จะหาเงินอย่างไร

ซึ่งตรงนี้เราจะเห็นความแตกต่าง ถ้าเทียบกับ “คุณเศรษฐา” ของ “พรรคเพื่อไทย” อย่างน้อยที่สุดสังคมก็รู้สึกว่า “คุณเศรษฐา” เคยหาเงิน ขณะที่ “ลุงตู่” เคยชินแต่กับการใช้เงิน

บนเวทีปราศรัยของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” วันนั้น (ที่โคราช) คนที่พูดเรื่องการหาเงินมีคนเดียวครับ คือ “คุณอนุชา นาคาศัย” จะทำให้เกษตรกรมีฐานะดีขึ้นด้วยการเลี้ยงวัว โดย “คุณอนุชา” บอกว่า ได้มีการทดสอบแล้ว 6 ปีได้ 1 ล้านบาท

“คุณอนุชา” จึงเป็นคนเดียวในพรรคที่พูดเรื่องการหาเงิน คนอื่นๆ มีแต่การใช้เงิน เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งพรรคยังไม่มีบุคลากรคนไหนที่สร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจได้ว่า มีความเข้าอกเข้าใจผู้ประกอบการเลย

พรรครวมไทยสร้างชาติ

พรรคภูมิใจไทย

“พรรคภูมิใจไทย” หัวหน้าพรรคคือ “คุณอนุทิน” แม้ว่าท่านเคยทำธุรกิจของครอบครัว แต่เมื่อเข้ามารับตำแหน่งทางการเมือง ก็ต้องถอยห่างออกมา เพราะฉะนั้นอาจไม่ได้ใช้ความรู้ความเข้าใจในทางธุรกิจมาเนิ่นนานแล้ว

ดังนั้นถ้าเทียบเรื่องความสด “คุณเศรษฐา” สดกว่า เพราะเขาคือผู้ประกอบการที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ แล้วช่วงที่ผ่านมาก็เจอวิกฤตโควิด เจออะไรมาหลายอย่าง เพราะฉะนั้นเขาก็มีน้ำหนักในการพูด ที่ทำให้ได้รับความเชื่อถือมากกว่า

และใน “พรรคภูมิใจไทย” นอกจาก “คุณอนุทิน” แล้ว เท่าที่สแกนดูก็ไม่เห็นมีใครที่จะอธิบายนโยบายในเชิงเศรษฐกิจได้ และนโยบายของ “ภูมิใจไทย” ส่วนใหญ่ก็เป็นการใช้เงินเช่นเดียวกัน

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

พรรคประชาธิปัตย์

“พรรคประชาธิปัตย์” อาจจะดูมีสีสันหน่อย ในการพูดถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจแบบใหม่ (เศรษฐกิจสร้างสรรค์) แต่ว่ามันไม่สามารถจับต้องได้ ในขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” บอกว่าของเขาสามารถจับต้องได้ ขณะที่พรรคอื่นๆ มีแต่ไอเดีย

“ประชาธิปัตย์” ครั้งหนึ่งก็เคยแข็งแกร่งในเรื่องเศรษฐกิจ สมัย “คุณอภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ รัฐมนตรีคลังคู่ใจก็คือ “คุณกรณ์ จาติกวนิช” (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า)

โดยปูมหลังของ “คุณกรณ์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านการเงิน มันจึงมีสตอรี่ทำให้ความเชื่อกลายเป็นความจริงได้ว่า “คุณกรณ์” คือ รมว.คลัง ผู้มีความสามารถบริหารนโยบายเศรษฐกิจได้ ชอบไม่ชอบก็ว่ากันไป แต่อย่างน้อย เขาก็สามารถทำให้ความเชื่อกลายเป็นความจริงได้

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

พรรคชาติพัฒนากล้า

ที่ผ่านมา “คุณกรณ์” ก็นำเสนอภาพความเป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจมาโดยตลอด และเราก็จะเห็นได้ว่า “พรรคชาติพัฒนากล้า” ไม่มีข้อเสนอในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่มีประเด็นสิทธิเสรีภาพ แต่จะมาพูดถึงเรื่องโอกาสของคนตัวเล็กตัวน้อย เรื่องการยกเลิกเครดิตบูโร

แล้วก็โชว์ภาพ “คุณกรณ์” ว่า เคยเป็น “รมว.คลัง” มาแล้ว จึงเข้าใจดีว่านโยบายด้านการคลังของประเทศต้องดำเนินการอย่างไร เพื่ออุดช่องว่างด้วยการสร้างความเข็มแข็งให้กับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มความเข้มแข็งให้สตาร์ทอัพ เพิ่มความเข้มแข็งให้เกษตรกรรายย่อย แต่ก็อยู่บน Paradigm (กระบวนทัศน์) การบริหารงานด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก

หรืออย่างนโยบาย “เศรษฐกิจสายมู” ก็ดีนะครับ เรื่องแบบนี้คนที่ไม่เคยผ่านงานทางเศรษฐกิจมา จะมองไม่ออก แต่ “คุณกรณ์” มองออก อันนี้จึงถือว่าเป็นจุดเด่นของ “พรรคชาติพัฒนากล้า”

เพราะฉะนั้นในเวลานี้ ในเรื่องของความชัดเจนของทีมนโยบายเศรษฐกิจที่จับต้องได้ ก็มีอยู่ 2 พรรค คือ “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคชาติพัฒนากล้า”

กรณ์ จาติกวนิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า

พรรคก้าวไกล

“พรรคก้าวไกล” เราอาจจะตื่นตาตื่นใจเรื่องของสุราก้าวหน้า เรื่องของการให้โอกาสผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งในเรื่องของผู้ประกอบการการขนาดเล็ก ขนาดกลาง ถือว่า “พรรคก้าวไกล” มาถูกทาง

แต่เศรษฐกิจไทยที่วันนี้ผูกพันกับเศรษฐกิจโลก เรามีเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ มีเรื่องของความเสี่ยง ที่มันเป็นปัจจัยทางสากล ซึ่งสเกลการบริหารงานของ “คุณเศรษฐา” เขาผ่านงานองค์กรที่ใหญ่กว่า เพราะฉะนั้นแล้วความเชื่อของผู้คน ก็โน้มเอียงที่จะเชื่อสิ่งที่ "คุณเศรษฐา" นำเสนอมากกว่า ดังนั้นถ้าพูดในเชิงเปรียบเทียบขนาดเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก “คุณเศรษฐา” ถือว่าครบเครื่องกว่า

ส่วนนโยบายรัฐสวัสดิการของ “พรรคก้าวไกล” ซึ่งประเทศไทยก็มีปัญหาเรื่องหลักประกันความมั่นคงในการดำเนินชีวิตจริงๆ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ ก็ตอบโจทย์ของคนในยุคปัจจุบัน

อย่างสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราจะเห็นหลายคนตกงานแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะฉะนั้นแล้วกระแสความมั่นคงในชีวิต เรื่องสวัสดิการต่างๆ ในฐานะเราเป็นพลเมืองของรัฐ มันจะถูกพูดถึง แล้วมันจะเป็นกระแสที่แรง จนทุกพรรคต้องมีนโยบายด้านนี้

เพราะฉะนั้นในแง่ของทิศทาง “พรรคก้าวไกล” จับทางถูก แต่คำถามก็คือ แล้วคุณจะเอางบประมาณจากไหนมาจัดสวัสดิการเหล่านี้ ซึ่ง “พรรคก้าวไกล” ก็อธิบายในเชิงวิชาการว่า จะตัดทอนตรงนั้น ตัดทอนตรงนี้ แต่ในความรู้สึกของคนฟัง “สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น”

แต่ “พรรคเพื่อไทย” บอกว่า เขาจะใช้คนที่มีความสามารถ ซึ่งก็คือ “คุณเศรษฐา” เหมือน “พรรคเพื่อไทย” ต้องการจะบลัฟว่า นโยบายของเขามันไม่ใช่เรื่องอุดมคติ หรือไม่ใช่เรื่องระยะยาว แต่มันเป็นผลประโยชน์ในระยะสั้น ที่ทุกคนสามารถจับต้องได้

ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของการขายความเชื่อ แต่สำหรับการเมือง ความเชื่อคือความจริง เพราะฉะนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยขายความเชื่อได้ แล้วทำความเชื่อให้เป็นความจริงได้ เขาก็จะได้แต้มตรงนี้

ในด้านเศรษฐกิจ “คุณพิธา” ก็คล้ายกับ “คุณสนธิรัตน์” , “คุณอุตตม” , “คุณมิ่งขวัญ” ก็คือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่พอ “พรรคเพื่อไทย” เปิดตัว “คุณเศรษฐา” เมื่อเทียบกันเบอร์ต่อเบอร์ก็ต้องยอมรับว่า “คุณพิธา” สู้ไม่ได้

คำว่าสู้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า “คุณพิธา” ไม่รู้ หรือว่า “คุณพิธา” ไม่เก่ง แต่อย่างที่ผมบอก สำหรับการเมือง ความเชื่อคือความจริง ซึ่งคนจำนวนมากเชื่อว่า คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมา เคยบริหารกิจการขนาดใหญ่มา ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบกันเบอร์ตรงเบอร์ ว่าความเชื่อใครจะเป็นความจริงกว่ากัน ก็มีแนวโน้มว่า “คุณเศรษฐา” จะได้รับเชื่อมั่นมากกว่า แต่ไม่ได้บอกว่า “คุณทิม” ไม่เก่งนะ มันคนละเรื่องกัน

โดยสรุปก็คือ “พรรคก้าวไกล” มีความเป็น “นักวิชาการเศรษฐกิจ” มีความเข้าใจ มีความรู้ มีข้อมูล มีการศึกษาวิจัย แต่สิ่งที่เป็นจุดอ่อนก็คือ ไม่มีประสบการณ์การปฏิบัติที่มากเพียงพอ จนสร้างความมั่นใจให้กับโหวตเตอร์ หรือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งว่า “พรรคก้าวไกล” มีความเข้าใจระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

พรรคพลังประชารัฐ

“พรรคพลังประชารัฐ” ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้เงินเช่นกัน ซึ่งก็มาจากกรอบแนวคิดเดียวกับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” นั่นแหละ เพราะสิ่งที่เสนอออกมา ไม่ว่าจะเป็น “บัตรพลังประชารัฐ 700 บาท” หรือ “ลดราคาน้ำมัน 18 บาท” มันก็อยู่ในพื้นฐานของการใช้เงิน ซึ่งหน่วยงานอย่าง TDRI ก็ตั้งคำถามว่า มันต้องคำนึงถึงฐานะการคลังของบ้านเมืองด้วยหรือไม่

และ “พรรคพลังประชารัฐ” ยังไม่มีชุดคำอธิบายให้สังคมมีความเชื่อมั่นมากเพียงพอว่า จะบริหารนโยบายเศรษฐกิจได้ เพราะฉะนั้นนโยบายของ “พลังประชารัฐ” ก็ยังอยู่ใน Paradigm (กระบวนทัศน์) การใช้เงิน

ในแง่ความรู้ความสามารถส่วนบุคคลของทีมเศรษฐกิจ “พรรคพลังประชารัฐ” ไม่ว่าจะเป็น “คุณอุตตม” , “คุณสนธิรัตน์” , “คุณมิ่งขวัญ” และ “คุณนฤมล”  ก็ต้องบอกว่า ทั้ง 4 ท่านนี้ มีความรู้มีความสามารถเพียงพอ แต่เวลาเล่น มันต้องเล่นไปในคีย์เดียวกัน เพราะฉะนั้นใน 4 คนนี้ ก็ต้องมี Conductor สักคน

ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับวงดนตรีออร์เคสตรา ที่ต้องมี Conductor 1 คน คำถามคือ 4 คนนี้ใครจะเป็น Conductor ? เพราะฉะนั้นนี่คือโจทย์ที่ “พลังประชารัฐ” จะต้องตอบให้ได้

และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ “คุณเศรษฐา” หรือนำไปเปรียบเทียบกับ “คุณกรณ์” ก็เกิดคำถามว่า Conductor ของ “พลังประชารัฐ” จะมีความน่าเชื่อถือเพียงพอหรือไม่ ที่จะสามารถคุมวงดนตรีให้เล่นได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง สอดประสานกันได้ ดังนั้นปัญหาของ “พลังประชารัฐ” ในวันนี้ก็คือ นักดนตรีเก่ง แต่เราไม่รู้ว่าใครคือ Conductor

“พลังประชารัฐ” มีนักดนตรี แต่เราไม่เห็น Conductor เพราะฉะนั้นคนก็อาจลังเลในการซื้อตั๋วเข้าไปชมคอนเสิร์ต แต่ในกรณีของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” นี่ ไม่จัดคอนเสิร์ตเลย เราไม่เห็นทั้งนักดนตรี และ Conductor ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่า “รวมไทยสร้างชาติ” จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เขาขายคือ ขวาจัด ขายเรื่องความซื่อสัตย์ ความรักชาติบ้านเมือง ปราบทุจริต

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

จัดอันดับ ทีมเศรษฐกิจ โดย รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล

อันดับ 1

ถ้าเอาเกณฑ์เรื่องนโยบายที่ชัดเจน เปิดตัวบุคลากรแล้วสังคมมีความเชื่อมั่นว่า สามารถทำได้จริง มีความเป็นไปได้ว่า จะทำได้ตามนโยบายที่หาเสียง อันดับหนึ่งก็คือ “พรรคเพื่อไทย”

อันดับ 2

อันดับ 2 คือ “พรรคก้าวไกล” เพราะอย่างน้อยๆ ก็มีงานวิชาการที่เข้มแข็ง เข้าใจปัญหา ทิศทางในการแก้ปัญหาถูกต้อง ตอบโจทย์ เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ “พรรคเพื่อไทย” ได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า เพราะมีประสบการณ์และเคยทำให้เห็นมาแล้ว

อันดับ 3 และ อันดับ 4

อันดับ 3 “พรรคพลังประชารัฐ” อันดับ 4 “พรรคชาติพัฒนากล้า” ซึ่ง Conductor ก็คือ “คุณกรณ์” แต่เนื่องจากนักดนตรีในวงมีไม่เยอะ จึงยังมองไม่เห็นว่า จะจัดคอนเสิร์ตได้หรือไม่ ส่วนพรรคอื่นๆ ผมให้สอบตกหมดครับ

logoline