svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“อนุดิษฐ์” โวย กสทช.ทำนิ่ง ไม่แจงวิธีประมูลวงโคจรดาวเทียม ทั้งที่พิรุธบาน

“อนุดิษฐ์” โวย กสทช.ทำนิ่ง ไม่แจงวิธีประมูลวงโคจรดาวเทียม ทั้งที่พิรุธเพียบ ชี้ สัญญาสัมปทานได้ประโยชน์กว่า จวกปล่อยผู้ชนะได้ราคาต่ำเว่อร์ เชื่อทำกำไรได้อื้อ กระตุก กสทช.ต้องแจงให้เคลียร์ เหตุวงโคจรดาวเทียมเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทยทุกคน

12 มีนาคม 2566 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต ส.ส.กทม. ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานปราบโกง (ผอ.สปก.) พรรคไทยสร้างไทย แถลงถึงการประมูลวงโคจรดาวเทียมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีข้อพิรุธ และข้อสงสัยหลายประการว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้ตั้งคำถามหลายข้อไปยังคณะกรรมการ กสทช.และ ผู้เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะการที่ กสทช.เลือกวิธีการประมูลวงโคจรดาวเทียม แทนที่จะออกใบอนุญาตให้กับหน่วยงานของรัฐ เพื่อใช้ประโยชน์โดยตรง แล้วจากนั้นจึงค่อยให้สัมปทานกับเอกชนเพื่อยิงดาวเทียมขึ้นไปประกอบธุรกิจต่อไป ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิส่วนใหญ่เห็นว่า วิธีการนี้สามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้มากกว่า

แต่ถึงขณะนี้ กสทช.ก็ยังไม่เคยชี้แจงเหตุผลใดๆเลย รวมทั้งไม่เคยเปรียบเทียบว่า ทำไมถึงเลือกใช้ประมูล และวิธีการประมูลเป็นวิธีที่ดีที่สุดได้อย่างไร โดยเฉพาะการประมูลที่ผ่านมา มีบริษัทเพียง 3 บริษัท ที่เข้าประมูล และหนึ่งในนั้นถูกครหาว่าเป็นเพียงคู่เทียบเพื่อให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น

“อนุดิษฐ์” โวย กสทช.ทำนิ่ง ไม่แจงวิธีประมูลวงโคจรดาวเทียม ทั้งที่พิรุธบาน

“ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ วงโคจรที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ ถูกประมูลไปในมูลค่าที่สูงกว่าราคาขั้นต่ำเพียง 5% เศษเท่านั้น ซึ่งบุคคลในวงการย่อมทราบดีว่า บริษัทที่ประมูลวงโคจรได้วงโคจรที่มีศักยภาพไปในราคาที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าทางการค้าที่เอกชนสามารถนำไปแสวงกำไรได้ต่อไป ซึ่งต่างจากการที่รัฐให้เอกชนนำวงโจรดาวเทียม ไปใช้งานภายใต้สัญญาสัมปทาน ซึ่งรัฐและประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่า ทั้งรายได้จากสัมปทานและการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมโดยตรง” 

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อ ยกตัวอย่างเรื่องวงโคจรดาวเทียมของไทยคม 7 และไทยคม 8 ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ โดยขณะที่ตนดำรงตำแหน่งรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้เสนอเรื่องให้ คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ เพื่อมอบหมายให้ บริษัท ไทยคม ไปทำหน้าที่แทนกระทรวงไอซีที ในการจองตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศเท่านั้น

ซึ่งตำแหน่งวงโคจรของดาวเทียมไทยคม 7 และ ไทยคม 8 ดังกล่าวยังอยู่ภายใต้สัมปทานรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ กสทช. ออกให้บริษัทไทยคมโดยกำหนดว่า “ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่กระทรวงไอซีทีกำหนด” 

โดยกระทรวงไอซีทีได้มีหนังสือแจ้ง บริษัทไทยคมมาตลอดว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ยังอยู่ภายในสัญญาสัมปทาน และขอให้ไทยคมจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐบาลตามที่เคยจ่ายด้วย แต่สุดท้ายบริษัทไม่ยอมจ่ายและทำหนังสือโต้แย้งไม่ยอมอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานโดยนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้คดีเรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุด

“อนุดิษฐ์” โวย กสทช.ทำนิ่ง ไม่แจงวิธีประมูลวงโคจรดาวเทียม ทั้งที่พิรุธบาน

“ผมเชื่อว่าศาลปกครอง ย่อมพิจารณาคดีนี้โดยคำนึงถึงความถูกต้อง และประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลักอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามก็จะเห็นได้ว่า การที่วงโคจรดาวเทียมอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของรัฐ ย่อมสามารถเก็บรายได้และผลประโยชน์ได้มากกว่าการประมูลอย่างแน่นอน และเอกชนย่อมหลีกเลี่ยง และไม่อยากอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทาน ดังนั้นจึงต้องถามกลับไปที่ กสทช. อีกครั้งว่า ทำไมท่านจึงเลือกวิธีการประมูล” 
 

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อ การที่ตนออกมาตรวจสอบเรื่องวงโคจรดาวเทียมครั้งนี้ เพราะวงโคจรดาวเทียมเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทยทุกคน จึงอยากเรียกร้องให้ กสทช. ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ให้ชัดเจนเพื่อความโปร่งใส และอยากเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่แสวงประโยชน์กับ ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 ทุกฝ่าย ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และเงื่อนไขของ กสทช. ที่กำหนดให้การใช้ประโยชน์วงโคจรดาวเทียม ยังต้องอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานของรัฐต่อไป