svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บ้านใหญ่"เติมแต้มต่อศึก"เลือกตั้ง 66"ส่งพรรคได้โอกาสคว้าชัย ( คลิป )

22 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เลือกตั้ง 66" กลายเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามอย่างมาก โดยเฉพาะบริบทความสำคัญของตระกูล"บ้านใหญ่" ทางการเมือง ท้ายสุดแล้ว จะช่วยส่งให้พรรคที่เข้าสังกัดสามารถคว้าชัยชนะไปครองได้หรือไม่ (ชมคลิป)

"ดร.สติธร ธนานิธิโชติ" ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ได้วิเคราะห์สถานการณ์การ"เลือกตั้ง66" ผ่าน"เนชั่นทีวี"เทียบกับงานวิจัยช่วงปี 54 ในการสแกน "บ้านใหญ่" ตระกูลการเมืองซึ่งถือเป็นยุคที่คนตั้งคำถามกับโมเดลบ้านใหญ่กับการเมืองระดับชาติ น่าจะอ่อนแอ ที่ต้องแพ้เลือกตั้งเยอะ ประมาณเลือกตั้งปี 50 กับปี 54

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า

"ดร.สติธร" ยกตัวอย่าง เช่น ตระกูลบ้านใหญ่ฉายแสง จ.ฉะเชิงเทรา ก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางรอบแพ้ทั้งตระกูล แพ้ยกจังหวัด หรือตระกูลของ"พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์"หรือ"เสธ.หนั่น" จังหวัดพิจิตร ก็ถือว่าแย่ หรือตระกูล "จังหวัดปทุมธานี" ที่เคยผูกขาดก็สอบตก หรือไม่ก็พอสอบตก ก็ต้องไปพึ่งพรรคขนาดใหญ่

"ในช่วงนั้นต้องยอมรับว่า กระแสพรรคมาแรง ใครอยากจะชนะเลือกตั้งต้องพรรคไทยรักไทย อยากชนะพื้นที่ภาคใต้ ต้องพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่ใช่พรรคใหญ่ ต่อให้เป็น บ้านใหญ่ ก็เหนื่อย"  

ชมคลิป >>> สแกนบ้านใหญ่ ตระกูลการเมือง

ดร.สติธร ขยายความต่อว่า บ้านใหญ่ช่วงหลังๆ ตอนปี 62 เป็นที่พูดถึงกันเยอะ บ้านใหญ่ เริ่มกลับมา ไม่พอเกิดบ้านใหม่อีกต่างหาก ถามว่าทำไมกลับมาเพราะ ระบบเลือกตั้งแบบ"บัตรใบเดียว" เป็นตัวช่วย

โดยก่อนหน้านี้เป็นระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ระบบเขต ก็เป็นเขต ระบบปาร์ตี้ลิสต์ เป็นปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้พรรคการเมือง มีกำลังเยอะ ยิ่งพรรคที่สร้างกระแสได้ ก็ไปบอกประชาชนให้เลือกทั้งเขต เลือกทั้งพรรค ทำให้เข้าวินได้ไม่ยาก 

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า

อย่างไรก็ตาม ระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียว บัตรพรรค บัตรคน ปนกัน แล้วระบบเลือกตั้งบังคับแบบเขต คือ  การเลือกตั้งตัวคน แต่ละพรรคได้เบอร์ไม่เหมือนกัน เบอร์ที่ได้ คือ ตัวบุคคล ที่ลงสมัครแล้วหยิบขึ้นมา  จึงทำให้ตัวคนมีความสำคัญ เป็นทางเลือกให้กับประชาชนรอบนี้ ถ้าเลือกคนที่ไม่รู้จักพรรค เผลอๆจะเสียคะแนนไปด้วย

ดังนั้น จึงเป็นที่มาของพรรคการเมืองต้องไปแก้โจทย์ให้ตรงกับระบบเลือกตั้ง เวลาที่เอาคนลงสมัครอย่างน้อยๆ ก็ต้องเอาคนที่ประชาชนรู้จัก แล้วค่อยเอาแบรนด์พรรคแปะลงไป ย่อมเท่ากับสองแรงบวก ซึ่งระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว เป็นระบบที่ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ แล้วทุกพรรคไม่จำเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่เก็บทุกคะแนนเป็นอันดับที่สอง สาม สี่ ห้า อะไรก็ได้

ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า

"พันคะแนน หมื่นคะแนน ห้าหมื่นคะแนน มีความหมายหมด แปลว่า "บ้านใหญ่"ที่เคยแผ่วดรอปลงก่อนหน้านี้ พรรคการเมืองมองเห็นศักยภาพว่า ส่งบ้านใหญ่ลงแม้ไม่ชนะแต่บ้านใหญ่อาจจะมาที่สอง เป้าหมายในพื้นที่นี้ ขอสองหมื่นคะแนนไม่ได้หวังชนะ ชนะอาจจะต้องสี่หมื่น" 

"ดร.สติธร" ยังย้ำว่า แล้วไปผูกมิตรบ้านใหญ่ไว้สัก 20 จังหวัด เอา 2 หมื่นคูณ 20 ก็เยอะแล้ว เลยเป็นที่มา "บ้านใหญ่" เขามีโอกาสคอนเนคกับพรรคขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ที่เขาไม่ต้องการจะชนะทุกเขต แต่ขอเก็บคะแนนให้ได้หลักหมื่นทุกเขต ทำให้เป็นสายใยเชื่อมโยงกันมา

logoline