ย้อนกลับไปการเลือกตั้งใหญ่ปี 62 นครศรีธรรมราชมี ส.ส. 8 คน ประชาธิปัตย์แชมป์เก่าถูกพลังประชารัฐเบียดไปถึง 3 ที่นั่ง ก่อนถูกซิวเพิ่มอีก 1 เก้าอี้จากการเลือกตั้งซ่อมเมื่อปี 64 แทน “เสี่ยคึก” เทพไท เสนพงศ์ ซึ่งพบวิบากกรรมการเมืองจนต้องพ้น ส.ส. แถมต้องนอนคุกอีกร่วม 2 ปี พร้อมถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
ความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ “เมืองคอน” ของประชาธิปัตย์ คือการผงาดของ ส.ส. “เลือดใหม่” อย่าง “ชัยชนะ เดชเดโช” หรือ “ส.ส.แทน” ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกเมื่อปี 62 แต่กลับทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้บทบาทของ “ส.ส.แทน” ไม่ธรรมดา บวกกับเป็นคนหนุ่มไฟแรง สามารถเข้า “คุมอำนาจ” หลายอย่างในประชาธิปัตย์สายใต้ จนสถาปนาเป็น “บ้านใหญ่เมืองคอน” ทำหน้าที่จัดการการเมืองทั้งท้องถิ่นและระดับชาติ โดยมีแบ็คดีจากผู้เป็นแม่ “กนกพร เดชเดโช” นายก อบจ.
แต่ด้วยสนามเลือกตั้งปี 66 ไม่ง่ายนักสำหรับเลือดใหม่อย่าง “ส.ส.แทน” เพราะมีการไหลออกของบุคคลสำคัญของพรรคอย่างต่อเนื่อง เช่น “วิทยา แก้วภราดัย” อดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส. 8 สมัย และล่าสุด “ปุ้ย” พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส. 3 สมัย รวมทั้งปี 62 ด้วย โดยทั้งคู่หันไปสวมเสื้อแจ็กเก็ต “พรรคลุงตู่” เรียบร้อย เช่นเดียวกับสายบ้านเก่า “เสนพงศ์” ที่เดินจากไปแบบยกตระกูล ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่า ประชาธิปัตย์เมืองคอนกำลังระส่ำ
ยังดีที่ตระกูลดั้งเดิม “บุณยเกียรติ” ที่มีหัวหอกคนสำคัญอย่าง “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” รองประธานวิปรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสเล็ดลอด จะขอเซย์กู๊ดบายเช่นกัน แต่สุดท้ายมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนใจปักหลักอยู่กับประชาธิปัตย์ต่อไป เนื่องจากลูกสาว “ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ” ที่เดินลงสนามการเมืองตามพ่อ ได้สิทธิลงสมัครอีก 1 เขตเลือกตั้ง ซึ่งตรงนี้อาจมีนัยบางประการที่ทำให้พอใจกับดีล 2 เขตเลือกตั้งเมืองคอนในสีเสื้อประชาธิปัตย์
ขณะที่ “ประกอบ รัตนพันธ์” ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายสมัย ต้องเจอะความท้าทายในการรักษาเก้าอี้ตัวเองท่ามกลางกระแสพรรคประชาธิปัตย์ในนครศรีธรรมราชเสื่อมมนต์ขลัง
สิ่งที่ต้องตามต่อและวิเคราะห์อย่างละเอียด คือ ประชาธิปัตย์จะพบกับ “โอเอซิสการเมือง” ซึ่งเปรียบดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เพื่อหล่อเลี้ยงให้ความเป็นประชาธิปัตย์ยังคงอยู่ได้หรือไม่
การขับเคลื่อนพรรคในนครศรีธรรมราชรอบนี้ จึงไม่ต่างจากภาวะ “ตกที่นั่งลำบาก” เพราะนอกจากแผลเก่ายังไม่ตกสะเก็ด จนคนประชาธิปัตย์ไหลออกมากกว่าครึ่ง แถมล้วนพุ่งเป้ามุ่งหน้าไปยัง 3 พรรคใหม่ที่พร้อมด้วยกลไกการขับเคลื่อนที่ลงตัว ทั้งรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ และภูมิใจไทย ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในพื้นที่แล้ว
อีกปัจจัยใหม่ที่น่ากังวล คือ ความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ที่วันนี้อาจไม่เปรี้ยงปังดังแต่ก่อน กับความหวังจะคว้า 9 ที่นั่งแบบยกทั้งจังหวัดนั้น ย่อมเป็นงานยากสำหรับเหล่าผู้บริหารพรรคในการคิดสูตรพลิกเกมกลับมาคว้าชัยให้ได้ตามเป้าประสงค์