svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

สมรภูมิ"เลือกตั้ง66" เจาะบ้านใหญ่แปดริ้ว "นายกไก่" กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์

11 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เคาะประตู"บ้านใหญ่แปดริ้ว" เจาะใจ นายกไก่ "กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ " นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา กับคำถาม เหตุใด นักการเมืองระดับชาติถึงเข้าออกบ้านใหญ่หลังนี้ ติดตามได้ในฝ่าสมรภูมิ"เลือกตั้ง 66" (คลิป)

"กระแส- กระสุน - อิทธิพล - บารมี - หัวคะแนน -มวลชนพื้นที่ " 

มักเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงเสมอ ในยามที่มีการแข่งขันทางการเมือง ไม่ว่าเป็น"การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น" ไปจนถึง"การเลือกตั้งระดับชาติ"

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง"เลือกตั้ง 66" กำลังมาถึง พรรคการเมืองต่างคัดสรรผู้สมัครลงชิงชัยเก้าอี้ส.ส. โดยที่ตัวผู้สมัครส่วนใหญ่ก็ต้องมีโปรไฟล์ หรือแบ็คอัพตามที่กล่าวข้างต้น มาเป็นเครื่องการันตี เพื่อให้พรรคมั่นใจเหมือนกันว่าจะสามารถ"ฝ่าสมรภูมิเลือกตั้ง"เข้าสภาได้   

 

"จังหวัดฉะเชิงเทรา"  เป็นอีกพื้นที่สำคัญภาคตะวันออก กำหนดให้มี ส.ส.ได้ 4 คน  บรรดาผู้สมัคร นักการเมืองระดับชาติ มากหน้าหลายพรรค ต่างเดินเข้าออก "บ้านหลังใหญ่แปดริ้ว" ที่เปิดกว้างต้อนรับทุกคนเสมอ 

"ผมไม่ใช่บ้านใหญ่  บ้านผมเล็กนะครับ"  กิตติ  เป้าเปี่ยมทรัพย์ กล่าวออกตัวพร้อมเสียงหัวเราะ ขณะเริ่มต้น บทสนทนากับ "ทีมข่าวฝ่าสมรภูมิเลือกตั้ง เนชั่นทีวี " 

"นายกไก่"  กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา

 

น้อยคนนักในพื้นที่แปดริ้ว ที่จะไม่รู้จัก "กิตติ  เป้าเปี่ยมทรัพย์" ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น"นายกฯองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา" มาถึง 5 สมัย นับตั้งแต่การเลือกตั้งนายกฯอบจ. เมื่อปี 2547 จนถึงปัจจุบัน  

 

"กิตติ" หรือ "นายกไก่"  เปิดเผยปูมประวัติตนเองว่า  เดิมไม่เคยคิดว่าจะมาเป็น"นายกอบจ." เขาเริ่มซึมซับการเมืองในพื้นที่ระดับหมู่บ้าน อยากเห็นการพัฒนา จึงเริ่มต้นจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 (บ้านสัมปทวน) ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็นเวลานาน 10 ปี  "ผู้ใหญ่ไก่" ได้ก้าวสู่ถนนการเมืองท้องถิ่น เป็น ส.อบจ.ฉะเชิงเทรา และปี 2547 ลงสมัครนายก อบจ.สมัยแรก ได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่ง 740 คะแนน  

 

จุดเริ่มต้นของการเป็น"นายกฯอบจ.ฉะเชิงเทรา"

 

"คิดดูคะแนนจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นแสนคะแนน  ผมชนะห่างคู่แข่งเพียง 740 คะแนน  ถ้ามองถึงการเลือกตั้งระดับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน(ผญบ.) ชนะแต้มเดียว ถือว่า อันตรายมาก พอมีการเลือกตั้งนายกอบจ. เที่ยวสอง ไม่มีคนแข่ง เที่ยวสาม ชนะสองหมื่นกว่า เที่ยวสุดท้ายชนะร่วมแปดหมื่น" นายกฯไก่ ฉายภาพผลการเลือกตั้งท้องถิ่นสะท้อนถึงความนิยมเพิ่มขึ้นมาตามลำดับ 

 

หากกล่าวถึง กรุงโรมไม่สามารถสร้างเสร็จภายในวันเดียวฉันใด คงไม่ต่างกับนักการเมืองท้องถิ่นผู้นี้ กว่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือ ต้องสั่งสมความนิยม มีบารมีมานานฉันนั้น 

 

"นายกไก่" บอกว่า  หลักการทำงานการเมือง ยึดถือความเป็นกันเองกับทุกวัยทุกระดับ เพราะตอนผมเป็นเด็ก พ่อแม่ยากจน เวลาเจอกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาสัมผัสไหล่ รู้สึกดีใจ จึงใช้ตำรานี้ มาตลอด   

"ผมเป็นกันเอง กับผู้เฒ่าผู้แก่ทุกคน ไม่ว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ระดับชาติ หรือจะเป็นขอทานยากจน เป็นกันเองหมด เพราะฉะนั้นจึงอยู่ตรงนี้ได้ ชาวบ้านเป็นเจ้านายผม  คะแนนที่ได้ ผมให้เกียรติประชาชน ใครมาพบผมได้ทุกวัน รับประกันไม่เคยไปเมืองนอกเมืองนา เพราะต้องการอยู่ช่วยพี่น้องประชาชน แต่ที่ไม่ช่วยสองเรื่อง คือ เรื่องยาเสพติด และการทุจริตเครื่องมือเกษตรกรรม ชาวบ้านจึงไว้วางใจให้ผมทำงานมาร่วมยี่สิบปีแล้ว"

 

"นายกไก่"  กิตติ  เป้าเปี่ยมทรัพย์   นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา

 

ความเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีชื่อเสียงทั่วจังหวัด ที่สามารถลงเล่นการเมืองระดับชาติก็ได้ แต่ "นายกฯไก่" กลับไม่เลือกเส้นทางสายนั้น  

 

"ผมอายุมากแล้ว" เจ้าตัวเปิดเผยสาเหตุที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. พร้อมบอกว่า ถ้าเป็นส.ส. มีเรื่องเดียวที่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดฉะเชิงเทรา นั่นคือ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเขตฉะเชิงเทรา ขอให้เสียภาษีใน"ฉะเชิงเทรา"  แต่ที่ผ่านมามีการเสียภาษีที่กรุงเทพ และสมุทรปราการ"

 

"กิตติ  เป้าเปี่ยมทรัพย์" เปิดเผยถึงกลวิธีในการเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองว่า "ผมเล่นการเมืองไม่ทะเลาะกับใคร แม้ว่าใครจะโกรธเกลียด ผมยกมือไหว้ตลอด ให้ความเป็นกันเองกับทุกคน"  

 

"ขอโทษเถอะ ผมเล่นการเมือง ไม่เคยด่าว่าใคร  เช่น นาย ก. ไม่ดี นายข.ไม่ดี แต่สิ่งที่ทำมาตลอด คือ จะพูดถึงผลงาน ฝากผลงานให้ประชาชน  ลองไปเปิดสารบบดูได้ ตั้งแต่ผมหาเสียง"นายกอบจ." ล่าสุด เขาด่าว่าผมเสียๆหายๆ แต่ผมไม่เคยว่าใครสักคน ผมมีพรรคพวกดี บอกว่า  ใครเขาด่าว่า ปล่อยเขาไปเถอะ ที่เขาด่าย้อนตัวเขาแน่นอน ผมนิสัยอย่างนี้ ไม่เคยสนใจ มีแต่บอกชาวบ้านให้เลือกคนที่ดีที่สุด"   นายกไก่  กล่าวถึงเคล็ดลับศูนย์รวมใจนักการเมือง 

 

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกที่"บ้านใหญ่แปดริ้ว" แห่งนี้ จึงมีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เข้ามาพบปะหารือ 

 

"นายกฯไก่"  กล่าวอย่างไปตรงมาว่า  คนที่จะเข้ามาเล่นการเมือง หรือจะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)  จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีแบ็กอัพ เหมือนที่นายกฯไก่ ให้การสนับสนุนผู้สมัครบางพรรคขณะนี้ 


"นักการเมืองระดับชาติ ต้องมีแบ็กอัพจากนักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผญบ.  ที่บอกว่า คนจะเป็นนักการเมืองได้ยาวนาน 10-20 ปียากนะ ไม่อยากเอ่ยในหลายจังหวัด สมัยเดียวเลิก สมัยเดียวเปลี่ยนคน  อย่างเลือกอบจ.สมัยที่แล้ว 77 จังหวัด นักการเมืองเก่าสอบตก 43 คน นักการเมืองเก่าที่อยู่ได้ 33 คน และอยู่ได้ครบสี่สมัยจะน้อยมาก เพราะต้องเอาใจประชาชน ดูแลประชาชนจริงๆ ถึงจะอยู่ได้ยาว" 

 

"ผมบอกเสมอ ประชาชนคือเจ้านาย ผมไม่ได้เป็น ผู้บังคับบัญชาที่ต้องมีลูกน้อง ผมไม่มีลูกน้อง มีแต่เจ้านายนั่นคือประชาชน อย่างผม พอรู้จักคนเยอะ ก็มีคนมาหา เป็นนวัตกรรมทางการเมืองต้องหาคนที่มีพรรคพวกเพื่อนฝูง "

   "นายกไก่" กิตติ  เป้าเปี่ยมทรัพย์   นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา

 

เมื่อวิเคราะห์สนามเลือกตั้งส.ส. โดยเฉพาะเริ่มมีคนรุ่นใหม่มาแทนที่คนรุ่นเก่า  "นายกฯไก่" มองว่า "รุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ไม่สำคัญ อยู่ที่แบ็ค อัพ อยู่ที่นิสัยดีมั้ย จะเห็นว่า คนเก่าสอบตกมาก็เยอะ อย่างเช่นการเลือกตั้งส.ส. ฉะเชิงเทราสมัยต่อไป คนเก่าจะเข้ามาครึ่งได้หรือเปล่ายังไม่รู้  เพราะแต่ละเขตแข่งกันแรงมาก 

 

"นายกฯไก่" เปรียบเทียบ การเลือกตั้งเมื่อปี 62 กับการ "เลือกตั้ง66"  อย่างเขต 1 คนเก่า (ฐิติมา ฉายแสง) ที่เคยเป็นเจ้าของพื้นที่โดนแขวนไป คนที่เป็นอยู่ปัจจุบัน (กิตติชัย เรืองสวัสดิ์) อาจเหนื่อยหน่อย  เขต 2  ลูกชายผม "สส.ต้อย" (ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์) ไม่ลงสมัครเขต  ยกให้เขาไป เอาคนใหม่อีก เขต 3  คนเก่าที่เป็นอยู่ (สุชาติ ตันเจริญ) ก็คงเหนื่อยหน่อย เพราะผู้สมัครเลือกตั้งคนใหม่มาแรง เขต 4 คนเก่าที่เป็นส.ส.ปัจจุบัน (จิรัฏฐ์  ทองสุวรรณ์ ) อาจเหนื่อย เมื่อคนใหม่จะเข้า รวมถึงคนเก่าที่สอบตกไป( วุฒิพงศ์  ฉายแสง เพื่อไทย) ก็อาจจะเข้าอีก

 

ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า นักการเมืองรุ่นเก๋าที่เป็นส.ส.อยู่  ณ ปัจจุบัน มีเขตเดียว(สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชารัฐที่จะย้ายไปเพื่อไทย )  และเขตสี่ มีคนเก่าแต่เหนื่อยหน่อย 

 

"ผมมองว่า เขตหนึ่งส่งแข่งกันหลายพรรค  ส่วนเขตสอง แข่งขันระหว่าง พลังประชารัฐ กับเพื่อไทย เขตสาม แข่งขันระหว่าง รวมไทยสร้างชาติกับเพื่อไทย และ เขตสี่ มีพปชร. รวมไทยสร้างงชาติ  ก้าวไกล ภูมิใจไทย ที่ต้องห้ำหั่นกัน"   บ้านใหญ่แห่งแปดริ้ววิเคราะห์ การเลือกตั้งฉะเชิงเทรา 

 

"นายกฯไก่" ยังได้บอกถึงการแข่งขันทางการเมืองในลักษณะ หลีกทางให้มีอยู่จริง อย่างเขตสองฉะเชิงเทรา  "ส.ส.ต้อย" บุตรชาย ไม่ได้ลงแข่งขันระบบเขต ไปอยู่ในบัญชีรายชื่อ"พรรครวมไทยสร้างชาติ"  อาจเป็นเพราะ รทสช.กับ พปชร. คงจับมือกัน คนหนึ่งลงเขต ขณะที่พรรคหนึ่ง ไม่ลงเขตไปลงปาร์ตี้ลิสต์ เรื่องนี้เขาคุยกันก่อนหรือเปล่า ผมไม่รู้ ไม่ได้บอกผม (หัวเราะ) 


การแข่งขันในพื้นที่ที่มีการแข่งขันอย่างเข้มข้น คงหนีไม่พ้นปัญหา อิทธิพลที่จะตามมา   "เจ้าตัว"  ยอมรับตรงไปตรงมา สมัยก่อนมี สมัยนี้ไม่มี แต่ที่มีอย่างเดียว คือ คุณงามความดีสำคัญที่สุด คนที่เป็นส.ส.หรือนายกอบจ. ช่วยเหลือคนไหม การจะมาสร้างอิทธิพลเดี่ยวนี้มันเหนื่อย เพราะสมัยนี้มีกล้องวงจรปิด มีโซเชียล เป็นหูเป็นตาตลอด 

 

" สมัยก่อนมีแน่นอน  มือปืนเยอะแยะ  แต่สมัยนี้มีก็น้อย  ผมว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ จะไม่มีด้วยซ้ำ เดี่ยวนี้ต้องสร้างคุณงามความดี "  นายกฯไก่ กล่าวอย่างมั่นใจ 


"การเลือกตั้งปี 66 ที่จะมาถึง ผมขอฝากชาวฉะเชิงเทราทุกท่าน ให้ไปช่วยลงคะแนน รักคนไหน ชอบคนไหนให้เลือกคนนั้น  เรื่องพรรค ชอบพรรคนั้น ส่วนตัวบุคคลขอให้เลือกคนดี คบง่ายใช้คล่องแบบผม จะทำให้พี่น้องมีความสุข  ขอขอบคุณ พี่น้องชาวฉะเชิงเทราด้วยความเคารพ " นายกไก่  กล่าวทิ้งท้าย ชวนประชาชนเตรียมไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 66 ที่จะมาถึงเร็วๆนี้ 

 

คลิป >>> ผ่าสมรภูมิเลือกตั้ง เจาะ"บ้านใหญ่แปดริ้ว"

 


 

logoline