“ทวี”เปิดแพคเกจนโยบาย“สวัสดิการเด็กถ้วนหน้า”

1 กุมภาพันธ์ 2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (31 ม.ค.) ที่โรงแรมญัณนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมเวที “แถลงจากพรรคการเมือง ฟังเสียงคนใต้ เรื่อง สวัสดิการเด็กเล็ก” โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองอื่นๆ เข้าร่วม 10 พรรคการเมือง 

ได้แก่ ผศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ, พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย, นายญาฆีภัตฐ์ เพชรคง จากพรรคก้าวไกล, ดร.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี จากพรรคประชาธิปัตย์, ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รันตพันธ์ จากพรรคชาติพัฒนากล้า, นางตัสนีม เจ๊ะตู จากพรรคไทยสร้างไทย, นายสุคม ศรีนวล เลขาธิการพรรคสังคมประชาธิไตยไทย, นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ตรัง พรรครวมไทยสร้างชาติ และ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย 

สำหรับหัวข้อของการถกแถลงแลกเปลี่ยนความเห็น คือ “อนาคตของหนูอยู่ที่สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า” สาระสำคัญคือการนำเสนอสถานการณ์เด็กเล็กจากองค์กรด้านเด็ก, ผู้หญิง และแรงงานในหลายจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งการเสนอนโยบายเรื่องสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าของพรรคการเมืองต่างๆ จัดขึ้นโดย คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 341 องค์กร 

คณะทำงานฯ ได้เสนอนโยบายหารือต่อพรรคการเมือง และได้แถลงนโยบายแนวทางสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นระยะต่อสาธารณะ โดยเริ่มจากส่วนกลาง และจัดเวทีประสานกับสถานการณ์ข้อเท็จจริงของแต่ละกลุ่มในภูมิภาคต่างๆ  
   
คณะทำงานฯชุดนี้มี นางสุนี ไชยรส เป็นประธาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมคับครั้ง อาทิเช่น รศ.ดร.จุฑารัตน์ สถิรปัญญา หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ตัวแทนภาคประชาชน ภาคประชาสังคมหลากหลายกลุ่มจากจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการแถลงนโยบายเด็กถ้วนหน้าของพรรคประชาชาติ ว่า พรรคมีนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้า เงินอุดหนุนเด็ก 0-15 ปี แยกเป็น

อายุ 0-6 ปี อุดหนุนคนละ 4,500 ต่อเดือน รวมประมาณ 4 ล้านคนเศษ

อายุ 7-15 ปี อุดหนุนคนละ 3,000 ต่อเดือน ประมาณ 7 ล้านคนเศษ 

รวมจำนวนเด็กอายุ 0-15 ปี 11,440,264 คน ณ เดือน พ.ย.65  ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 489,878 ล้านบาทต่อปี ใช้งบประมาณรัฐเพียง 13% เท่านั้น แต่ประโยชน์กลับมามากมาย สามารถนำงบประมาณที่เป็นไขมันมาใช้ก็เพียงพอแล้ว 

“อิสลามถือว่าการทำงานเลี้ยงชีพเป็น “วาญิบ” หรือบังคับในศาสนาสำหรับบุรุษเพศตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยประมาณ ซึ่งเป็นการกำหนดอายุทำงานก่อนหน้าระบบอื่นๆ ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด การขีดเส้นเวลาเช่นนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายประเทศอิสลามเป็นอย่างมาก เพราะกระทรวงทุกกระทรวงต้องพัฒนางานให้ตอบโจทย์และสนองตอบเจตนารมณ์ของศาสนาในอันที่จะต้องพัฒนาเด็กชายให้โต กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบเต็มทันที โดยไม่ปล่อยให้เกิดสภาวะโตแล้วแต่ยังเป็นเด็ก หรือเกิดค่านิยมเด็กหญิงหาเงิน เด็กชายใช้เงิน เป็นต้น” 

“หมายถึงว่าอิสลามเป็นระบบที่เร่งการใช้ผลประโยชน์จากทรัพยากรมนุษย์ก่อนระบบอื่น อิสลามช่วยกระตุ้นให้จีดีพีที่เป็นรูปธรรม อิสลามช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติในอันที่จะสนับสนุนให้ประชาชนได้มีช่วงเวลาสร้างผลิตผลทางเศรษฐกิจที่ยาวนานมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เราจึงมักสังเกตเห็นว่าผู้ประสบความสำเร็จในเรื่องเศรษฐกิจในสังคมมุสลิมจึงมักเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตตามครรลองของศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ให้ประชาชนมีความสุขในชีวิตด้วยการสนับสนุนให้หาเงินและบริหารเงินให้ถูกต้อง กล่าวคือเน้นความขยัน งานสุจริต ชีวิต ประหยัด โดยมองมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่าเชิงจิตใจและมีเกียรติ ไม่ใช่ตีค่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจหรือเป็นเพียงเครื่องจักรผลิตเงินป้อนลิทธิบริโภคนิยม” เลขาธิการพรรคประชาชาติ ระบุ