
29 มกราคม 2566 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนาพิเศษ "สื่อออนไลน์ ภัยร้าย?? ต้นเหตุล่วงละเมิด” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายพลีธรรม ตริยะเกษม คณะกรรมการการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย และนายเมธวิน อังคทะวานิช นักธุรกิจรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล ดำเนินรายการโดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้โลกออนไลน์จำนวนมากโดยเฉพาะเด็ก เยาวชน คนหนุ่มสาว เนื้อหาที่อยู่ในโลกออนไลน์มีทั้งคุณและโทษ โดยเฉพาะโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดทางเพศที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จึงจำเป็นต้องระดมความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ทั้งด้านกฎหมาย เด็ก เยาวชน และออนไลน์ เพื่อมาแลกเปลี่ยนมุมมองและถอดบทเรียนร่วมกัน เพื่อประโยชน์ทั้งเด็ก เยาวชน แต่รวมถึงพ่อแม่ ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
นายพลีธรรม กล่าวว่าในฐานะที่ทำงานคลุกคลีกับเด็กและเยาวชนมาอย่างยาวนาน ชี้ให้เห็นสถิติการล่วงละเมิดโดยการบูลลี่ในโรงเรียนว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ในขณะที่การระรานทางออนไลน์ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่5 ของโลก โดยตนมองว่ายังไม่มีในประเทศไทยยังไม่มีมาตรการการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เป็นเพียงการตั้งรับมากกว่าเชิงรุก และไม่ดูต้นตอของปัญหาที่แท้จริง
“บ้านเราต้องผลักดันเรื่องการปลูกจิตสำนึกเรื่องสิทธิเสรีภาพและไม่ละเมิดผู้อื่น ( Civic education) อย่างจริงจัง เราเคยเรียกร้องรูปแบบประชาธิปไตยแต่ไม่เคยปลูกฝังในเชิงเนื้อหา เรียกร้องเสรีภาพแต่ลืมไปว่าละเมิดคนอื่นรึเปล่า นอกจากนี้ต้องจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะในการป้องกันและช่วยเหลือระดับชาติ ซึ่งในอเมริกามีหน่วยงานระดับชาติแต่บ้านเราไม่มี นอกจากนี้ต้องต่อยอดโครงการที่เกี่ยวข้องกับ School Safety ต้องมีฮอตไลน์ มีกฎหมายเฉพาะ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่มียังไม่ครอบคลุม และทุกคนต้องตระหนักว่าต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นคุณมากกว่าโทษ โดยต้องเริ่มที่ตัวเราเอง” นายพลีธรรม กล่าว
ด้านนายประพฤติ นักวิชาการอิสระด้านกฎหมาย ให้ความคิดเห็นว่า การล่วงละเมิดไม่ใช่มีแค่การล่วงละเมิดทางร่างกายเท่านั้นแต่ยังหมายรวมไปถึงการล่วงละเมิดแบบออนไลน์ด้วยเช่นกัน การล่วงละเมิดทางเพศเป็นการละเมิดสิทธิ์ อยากให้คนรุ่นใหม่มีความตระหนักรู้มากขึ้น ปัญหาที่พบคือไม่กล้า Say No ต้องแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาไม่ยินยอม ดังนั้นจึงต้องแสดงให้อีกฝ่ายรู้แน่ชัดว่าเราไม่ยินยอม เพราะการยินยอมเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินว่าผู้กระทำไม่มีความผิด เป็นที่น่าสังเกตุว่าประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ Cyber Bullying โดยเฉพาะทำให้ต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญากับ พรบ.คอมพิวเตอร์เป็นหลัก ซึ่งยังมีช่องโหว่ในการเอาผิดผู้กระทำ โดยมีข้อแนะนำว่าเมื่อเกิดเหตุการถูกล่วงละเมิดทางโลกออนไลน์ ผู้ถูกละเมิดต้องมีสติรับรู้ ไม่จมดิ่งกับความรู้สึกลบ ต้องแคปหน้าจอ URL นำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือสำนักงานตำรวจไซเบอร์ซี่งมีอำนาจครอบคลุมทั่วประเทศ ที่สำคัญคือป้องกันตัวเองเริ่มต้นที่ตัวเอง รู้เท่าทัน
ในขณะที่นายเมธวิน นักธุรกิจรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล กล่าวว่า ออนไลน์เป็นโลกยุคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทุกคนใช้จนเป็นชีวิตประจำวันเฉลี่ยวันละ7 ชั่วโมง โดยเฉพาะเยาวชน ถ้านำความคิดสร้างสรรค์มาทำให้เกิดประโยชน์ สามารถสร้างรายได้มากมาย มีอาชีพหลายอาชีพที่สามารถทำได้บนโลกออนไลน์ เช่น การสร้างสรรค์ผลงานเพลง มิวสิควีดีโอ การถ่ายภาพ ออนไลน์จึงมีทั้งคุณและโทษ ถ้าใช้ในทางที่ถูกสามารถสร้างรายได้ แต่ถ้าใช้ในทางไม่ถูกต้องจะกลายเป็นโทษทันที และแนะนำว่าครอบครัวควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด มีการติดตามพฤติกรรมการแสดงออกของลูกในพื้นที่ทั่วไปและบนพื้นที่ออนไลน์ เพื่อป้องกันปัญหาการถูกล่อลวงบนโลกออนไลน์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ส่วนนางดรุณวรรณ กล่าวว่าสถิติ Global Digital Report พบว่าไทยใช้โซเชียลเป็นอันดับหนึ่งชนะประเทศที่พัฒนาแล้ว การใช้มือถือเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นพฤติกรรมบ่งชี้ว่าอาจเข้าข่ายมีภาวะ FOMO (Fear of Missing Out ) หรือโรคกลัวตกกระแส ต้องเช็คโซเชียลมีเดียเกือบทุกเวลา กังวลเวลาเห็นคนตำหนิ หรือรู้สึกด้อยกว่าคนอื่นในโลกออนไลน์เมื่อไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่ายเมื่อไม่ได้เล่นเน็ต นอกจากนี้สิ่งที่น่ากลัวและน่าห่วงที่สุดจากการสำรวจขององค์กรทางด้านกฎหมายพบว่าเด็กและเยาวชนบางส่วนเลือกมือถือมากกว่าพ่อแม่ด้วยเหตุผลที่ว่าสามารถหาข้อมูลและคำตอบทุกอย่างได้จากกูเกิ้ล ในขณะที่พ่อแม่ไม่มีคำตอบให้ได้ทุกเรื่อง
“ออนไลน์มีทั้งคุณและโทษ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่คนบูชาวัตถุนิยม เด็กและเยาวชน จึงถูกล่วงละเมิดได้ง่าย อยากให้วางมือถือสักพัก แล้วหันมาสื่อสารแบบเห็นหน้า ต้องมีมิติความเป็นมนุษย์ ครอบครัวต้องแข็งแรงที่สุด กำแพงที่แข็งแรงเกิดขึ้นในบ้าน และตระหนักว่าพ่อแม่สามารถโอบกอด ให้ความรักความอบอุ่น ยืนอยู่ข้าง ๆ เสมอเวลามีปัญหา ไม่ใช่ AI และการแก้ไขการล่วงละเมิดที่ดีที่สุดต้องเริ่มที่ตัวเราเอง” นางดรุณวรรณ กล่าวทิ้งท้าย