svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ORIGINAL

เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ ว่าด้วยการเยียวยาและกลับตัวของฮิคิโคโมริ

05 ตุลาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระแสของการ์ตูน Mushoku tensei Isekai ittara honki dasu หรือ เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ เคยเป็นที่โต้เถียงอย่างรุนแรงอยู่ช่วงหนึ่งกับพฤติกรรมของตัวละครในเรื่อง แต่นอกจากประเด็นทางเพศที่เคยถูกหยิบมาถกเถียง แท้จริงการ์ตูนเรื่องนี้ยังสอดแทรกปมของตัวเอกและประเด็นทางสังคมญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับฮิคิโคโมริได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย

Highlights

  • การ์ตูนเรื่อง Mushoku tensei Isekai ittara honki dasu หรือ เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ การ์ตูนเรื่องดังที่สามารถนำเอาเรื่องราวของฮิคิโคโมริมาถ่ายทอดได้น่าสนใจและตรงกับความจริงอยู่หลายส่วน
  • ฮิคิโคโมริ คือ คนที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาใช้ชีวิตหรือมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมนานเกิน 6 เดือน แม้แต่คนในครอบครัวของตัวเอง
  • สิ่งเหล่านี้คือปัญหาทางสังคมที่กำลังกระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะประเทศชั้นนำอย่างญี่ปุ่นกลายเป็นปัญหาใหญ่ทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ
  • ส่วนนี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านชีวิตใหม่ของตัวเอกรูเดียส แม้กลับชาติมาเกิดแต่อาการหวาดกลัวและเป็นฮิคิโคโมริยังไม่หายไป จึงเกิดความกลัวต่อโลกภายนอกแม้กระทั่งสวนหน้าบ้านของตัวเอง
  • โชคดีที่ได้อาจารย์สอนเวทมนตร์ ร็อกซี่ คอยอยู่เคียงข้าง พาเขาออกมาเรียนรู้เวทมนตร์และโลกกว้างทีละก้าว ทำให้เห็นว่าในสังคมไม่ได้มีแค่แง่มุมอันเลวร้าย ทำให้เขาหลุดพ้นคำสาปฮิคิโคโมริในที่สุด
  • สิ่งนี้ตรงกับกรณีที่เกิดขึ้นจริงภายใต้การรักษาของจิตแพทย์ชื่อดังแห่งญี่ปุ่น ว่าหนทางพาฮิคิโคโมริกลับสู่สังคมคือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทำให้เปิดใจ จึงสามารถทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง

--------------------

โปสเตอร์ทางการจากอนิเมชั่น Mushoku tensei Isekai ittara honki dasu หรือ เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ

          กลายเป็นกระแสสังคมอยู่สักพักในช่วงการออกฉายของ Mushoku tensei Isekai ittara honki dasu หรือ เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ อนิเมชั่นดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายยอดนิยมภายในญี่ปุ่นที่มียอดขายกว่าสองล้านเล่ม และครองอันดับหนึ่งยอดอ่านนิยายบนเว็บออนไลน์ยาวนานถึง 5 ปี

          เนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้กล่าวถึงชายญี่ปุ่นคนหนึ่งอายุ 34 ปี เป็นนีทและฮิคิโคโมริเก็บตัวอยู่บ้านยาวนานนับสิบปี จึงถูกพี่น้องไล่ออกจากบ้านหลังการเสียชีวิตของพ่อแม่ จนได้แต่นึกเสียใจกับช่วงชีวิตที่ผ่านไปอย่างสูญเปล่าของตัวเอง สุดท้ายหลังความพยายามในการช่วยชีวิตเด็กมัธยมปลายที่ถูกรถบรรทุกพุ่งชนก็ต้องจบชีวิตลงไปแบบนั้น

 

          แต่วิญญาณของเขาที่น่าจะเสียชีวิตกลับหลุดมาอยู่ในร่างของเด็กทารกในโลกอีกใบ ที่ซึ่งปราศจากเทคโนโลยีหรือความทันสมัยแต่เป็นโลกแฟนตาซียุคกลางที่มีเวทมนตร์และชนเผ่าในจินตนาการอาศัยอยู่ นั่นทำให้ตัวเอกสรุปได้ว่าเขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในต่างโลก จึงตั้งใจกับตัวเองว่าต่อจากนี้จะขัดเกลาตัวเองใช้ชีวิตครั้งใหม่นี้ให้ดี

 

          นั่นคือจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตครั้งที่สองและเรื่องราวตั้งแต่แรกเกิดในชีวิตของตัวเอก ที่ในโลกนี้ใช้ชื่อว่า รูเดียส เกรย์แรท(ไม่มีการเปิดเผยชื่อตัวเอกในชาติก่อน) กับโอกาสครั้งใหม่ในชีวิตเพื่อไขว่คว้าสิ่งที่ขาดหาย ได้เรียนรู้ทำความเข้าใจโลกรวมถึงนำเอาความรู้จากโลกเก่ามาปรับตัวด้วยเช่นกัน

 

          แต่เรามาย้อนพูดถึงกันสักนิดว่าก่อนมาที่โลกนี้ รูเดียสในชาติก่อนผ่านการใช้ชีวิตแบบไหนจึงนึกเสียใจทีหลังกันแน่?
จากนวนิยายยอดนิยมสู่อนิเมชั่นชื่อดัง นีท และ ฮิคิโคโมริ กับภาพสะท้อนปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้น
          สำหรับในต่างประเทศการมีตัวตนของสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ในประเทศไทยอาจแปลกตาอยู่บ้าง นีท หรือ Neet ย่อมาจาก Not in Education , Employment or Training เป็นคำที่ถูกคิดค้นขึ้นในอังกฤษแต่แพร่หลายที่ญี่ปุ่น มีความหมายตามคำแปลคือ กลุ่มคนที่ไม่ได้เรียน ทำงาน และฝึกฝนทักษะอาชีพใดเพื่อต่อยอดในทักษะอาชีพหรือการใช้ชีวิต

          ส่วน ฮิคิโคโมริ เป็นคำในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงภาวะรักสันโดษ เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องพักไม่ติดต่อโลกภายนอก ตามคำจำกัดความของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นคือ กลุ่มคนที่ตัดขาดตัวเองออกจากสังคมเป็นเวลายาวนานกว่า 6 เดือน มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกน้อยมากหรืออาจไม่มีเลยแม้แต่คนในครอบครัว

 

          ทั้งสองอาการสอดคล้องสัมพันธ์กันค่อนข้างมาก แต่ในสายตาคนส่วนมากอาการฮิคิโคโมริร้ายแรงกว่า เพราะพวกเขาแทบไม่ออกไปเผชิญกับโลกภายนอก แต่ทั้งสองอย่างล้วนเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากสภาพจิตใจยามได้รับผลกระทบหรือแรงกดดันจากรอบข้าง ไม่ว่าจากครอบครัว เพื่อนฝูง สังคมโรงเรียน/ที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้ผู้คนบางกลุ่มรู้สึกโลกภายนอกวุ่นวายและโหดร้าย จึงหันมาเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่คนเดียวจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้าเรื่องเหล่านั้นอีก

 

          คนกลุ่มนี้กลายเป็นปัญหาสังคมในวงกว้างจากการเก็บตัวอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน นั่นทำให้โลกที่เขารู้จักจำกัดอยู่บนหน้าจอหรือห้องของตัวเองเป็นหลัก ฮิคิโคโมริส่วนมากมักใช้เวลาไปในการทำงานอดิเรกไม่ก็เก็บตัวเงียบ ทำให้นานวันจะยิ่งเกิดความรู้สึกห่างไกลจากสังคมมากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งพวกเขาจะจินตนาการไม่ออกอีกต่อไปว่าการใช้ชีวิตแบบอื่นนอกห้องพัก อย่างการเข้าสังคม พบปะ และพูดคุยกับผู้คนเป็นแบบไหน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องน่ากลัวจนถอนตัวไม่ได้ในที่สุด

สภาพความเป็นอยู่ของฮิคิโคโมริที่ไม่ยอมออกมาใช้ชีวิตในสังคม ความร้ายแรงที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของผู้คนและประเทศให้พังทลายไปพร้อมกัน
          ฟังมาถึงตรงนี้มันดูไม่ได้ร้ายแรงเมื่อนี่เป็นการแยกตัวปลีกวิเวกที่เกิดขึ้นกับคนเพียงคนเดียว แต่แท้จริงอาการเหล่านี้เริ่มแพร่หลายเป็นวงกว้างขึ้นมากในสังคม โดยเฉพาะประเทศต้นทางอย่างญี่ปุ่นจำนวนคนกลุ่มนี้ค่อนข้างแพร่หลาย จากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นคาดว่ามีฮิคิโคโมริอยู่ราว 1.15 ล้านคน แต่ ซาโต้ ทามากิ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คิดค้นคำนี้ขึ้นมาคาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคนในปี 2020 และอาจพุ่งสูงถึง 10 ล้านคนภายใน 13 ปี

 

          นั่นทำให้ปัญหานี้ยกระดับขึ้นกลายเป็นประเด็นทางสังคม การมีจำนวนฮิคิโคโมริมากหมายถึงจำนวนผู้เก็บตัวอยู่บ้านไม่ออกไปไหน ตั้งแต่การเข้าและสร้างสังคมจนถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน การอยู่ปลีกวิเวกตามลำพัง ย่อมทำให้การหางานทำยิ่งลดลงจนคนในครอบครัวที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงปัญหาภายในครอบครัวจากความรู้สึกรังเกียจ ระอา จนถึงอับอาย ทั้งยังส่งผลกระทบต่ออัตราจำนวนประชากรจากอัตราการเกิดที่นับวันยิ่งลดลง 

 

          ในเชิงเศรษฐกิจการเอาแต่หมกเก็บตัวอยู่ในห้องก็ถือเป็นปัญหา แม้ฮิคิโคโมริบางส่วนสามารถหาอาชีพสร้างรายได้หล่อเลี้ยงตัวเองแต่นับเป็นส่วนน้อย โดยมากเป็นการอาศัยเงินสนับสนุนจากทางครอบครัวมากกว่า ทำให้เม็ดเงินรายได้รวมถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจลดลง สูญเสียแรงงานในระบบที่ควรจะเข้ามาขับเคลื่อนประเทศ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้อดีตมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างญี่ปุ่นไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเก่า

 

          นอกจากปัญหาต่อภาพรวมอาการฮิคิโคโมริยังส่งผลกระทบต่อเจ้าตัวเป็นอย่างยิ่ง การเก็บตัวเป็นระยะเวลายาวนานเอาแต่ใช้เวลากับตัวเองอาจทำให้เกิดอาการอื่นเพิ่มเติม ตั้งแต่การเจ็บป่วยทางจิตเวช โรคซึมเศร้า ไปจนอาการทางจิตที่เป็นอันตราย ไม่ว่าจะต่อตัวเอง คนรอบข้าง หรือแม้แต่สังคมเองก็ตาม
ปัจจุบันมีความพยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่บ้างแต่ยังไม่มีหนทางเป็นรูปธรรมนัก อีกทั้งฮิคิโคโมริหากยังเป็นกลุ่มอายุน้อยยังสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้ แต่กว่าครึ่งของคนกลุ่มนี้มีอายุราว 40 – 64 ปี มีจำนวนราว 613,000 คน ซึ่งเป็นช่วงวัยที่ยากต่อการปรับตัวหรือสร้างก้าวใหม่ให้แก่ชีวิต และกลายเป็นปัญหาแก้ไม่ตกอีกข้อในสังคมญี่ปุ่นปัจจุบัน

สุดท้ายจากสถานที่หลบภัย ห้องจะกลายเป็นคุกที่ขังฮิคิโคโมริไว้เสียเอง เนื้อหาในการ์ตูนกับการย่างก้าวการผลักดันและเติบโตของฮิคิโคโมริอายุ 34 ในโลกแฟนตาซี
          การเริ่มต้นของเกิดชาตินี้พี่ต้องเทพเราได้เห็นตัวละครเอกหรือรูเดียสแต่แรกเกิด ด้วยแนวคิดอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนใหม่แต่รากฐานเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด นั่นทำให้เขาตั้งใจฝึกฝนเวทมนตร์และเรียนรู้วิชาดาบ ปรับตัวเกี่ยวกับสัมมาชีพในโลกนั้นอย่างอดทนเพราะไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
โชคดีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขานอกจากเป็นครอบครัวอบอุ่นพ่อแม่รักใคร่กลมเกลียว ยังมีตำแหน่งขุนนางทำให้มีฐานะทางการเงินพอสมควร ทันทีที่เห็นพรสวรรค์ของรูเดียสฉายแววจึงได้รับการส่งเสริมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือตำรา(ถือว่าเป็นของแพงมากในยุคสมัยนั้น) รวมถึงจัดหาอาจารย์สอนพิเศษทางด้านเวทมนตร์มาให้ตั้งแต่เยาว์วัย

 

          แม้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตในร่างกายและสถานะทางสังคมใหม่การรักษาอาการทางจิตใจใช่เป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะประเด็นสำคัญอย่างการก้าวออกจากบ้านหลังใช้ชีวิตในฐานะฮิคิโคโมริมายาวนาน ปมฝังใจแต่อดีตทำให้รูเดียสกลายเป็นเด็กน้อยผู้หวาดกลัวการนอกบ้าน แม้แต่การออกไปนั่งเล่นในสวนหน้าบ้านยังทำให้หวาดกลัวกระสับกระส่ายอย่างชัดเจน ต่อให้มาเกิดในโลกใหม่รวมถึงมีความสามารถด้านเวทมนตร์อยู่ในมือก็ตาม

 

          ส่วนนี้ต้องขอบคุณอาจารย์สอนสอนเวทมนตร์อย่างร็อกซี่ ที่คอยพาเขาออกมาฝึกฝนเวทมนตร์นอกบ้าน เปิดโอกาสและเวลาในการปรับตัวให้กับฮิคิโมริคนนี้เริ่มคุ้นเคยโลกภายนอก ทำให้มีโอกาสได้มาสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คน ผลักดันอยู่เคียงข้างคอยมอบความกล้าให้เด็กน้อยสามารถยืนหยัด จนหายขาดจากอาการนี้ได้เต็มภาคภูมิ สู่วันที่เขาสามารถออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านได้ดังเดิม กลับมาใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้อีกครั้งในที่สุด

 

          ในสายตาของคนอื่นหรือกระทั่งตัวร็อกซี่เองมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เข้าใจว่าตัวเอกเป็นเด็กจึงมีอาการหวาดกลัวโลกภายนอกเหมือนเด็กทั่วไป แต่ในสายตาของรูเดียสนี่ถือเป็นเรื่องอันยิ่งใหญ่ ช่วยให้เขาหลุดพ้นคำสาปในฐานะฮิคิโคโมริได้สำเร็จ ทำให้ชายวัยเกือบสี่สิบ(รวมอายุในทั้งสองชาติ)เติบโตไปอีกขั้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกประทับใจ เคารพ และสำนึกในบุญคุณของเธอไปชั่วชีวิต

ร็อกซี่ อาจารย์ที่ผลักดันและช่วยเหลืออาการฮิคิโคโมริของรูเดียสให้หายขาด หนทางแก้ไขฮิคิโคโมริในชีวิตจริง เริ่มต้นจากทำความเข้าใจและยอมรับ
          ถึงนี่เป็นเรื่องในการ์ตูนแฟนตาซียากเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง แต่นี่คือหนทางในการรักษาฮิคิโคโมริที่เกิดขึ้นในโลกจริง การไม่เอาใจใส่ ไม่สนใจรับฟังทำความเข้าใจ หรือแม้แต่การปลอบโยนให้กำลังใจล้วนไร้ผล กลับเป็นการผลักคนเหล่านี้ให้ตกไปในหลุมลึกยิ่งขึ้น สร้างความรู้สึกว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีใครเข้าใจและต้องอยู่โดดเดี่ยวตามลำพังในที่สุด 

 

          หนทางที่ถูกต้องในการแก้ไขอาการเหล่านี้จากจิตแพทย์คือการกลมกลืมไปในส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ไม่ใช่การบังคับกดดันแต่นำตัวเองเข้าไปเรียนรู้ในสิ่งที่ฮิคิโคโมริคนดังกล่าวชื่นชอบ ทำความเข้าใจในสิ่งนั้นแล้วเริ่มนำมันมาใช้เป็นหัวข้อสนทนา อาจจำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทนนับปีแต่กระบวนการเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยเวลา เพื่อให้เจ้าตัวรู้สึกว่าคนที่เข้าหาเป็นพวกเดียวกันกับเขา

 

          เมื่อผ่านขั้นตอนเหล่านี้ไปสักพักความเปลี่ยนจึงเริ่มเกิดขึ้น ในกรณีตัวอย่างของชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่เก็บตัวเป็นฮิคิโคโมริในห้องยาวนานกว่า 5 ปี หลังความพยายามปรับตัวเข้าหาอีกร่วม 2 ปี ในที่สุดชายคนดังกล่าวก็เริ่มกลับมามีปฏิสัมพันธ์ต่อครอบครัว เพื่อนฝูงผู้มีความชื่นชอบเดียวกัน จนสามารถกลับเข้าไปใช้ชีวิตในสังคมได้อีกครั้ง

 

          แน่นอนเรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นง่ายนัก อีกทั้งใช่จะสามารถนำไปแก้ไขจัดการได้ทุกประเด็น ด้วยความเป็นปัจเจกของแต่ละคน สภาพแวดล้อม ไปจนถึงสังคมรอบข้าง แท้จริงจึงไม่มีทางแก้ปัญหาตายตัวขึ้นกับคำตอบของแต่ละบุคคล อีกทั้งการนำตัวเราเข้าไปมีตัวตนในโลกของคนปิดกั้นตัวเองก็ยากเย็นกว่าที่คิด

 

          แต่นั่นคือสิ่งจำเป็นหาต้องการช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาฮิคิโคโมริในสังคม ความเข้าอกเข้าใจและการดึงมือพวกเขากลับมาคือเรื่องสำคัญ หาไม่พวกเขาก็ต้องจมปลักกับเรื่องที่รู้ตัวว่าทำผิดแต่ไม่สามารถกลับออกมาได้ ถึงกรณีตัวอย่างจะเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็เป็นแสงแห่งความหวังให้เราได้เรียนรู้ว่า การพาคนเกิดอาการฮิคิโคโมริกลับสู่สังคมสามารถทำได้จริง

 

          ขึ้นกับว่าเราจะสามารถอดทน ทำความเข้าใจ และยอมรับตัวตนของฮิคิโคโมริพอจะช่วยเหลือพวกเขาไหมเท่านั้นเอง

 

เกรียงไกร เรืองทรัพย์เดช

--------------------
ที่มา:

logoline