svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ฮีโร่คนใหม่บาร์ซ่า! “แรชฟอร์ด” ซัดเบิ้ลดับนิวคาสเซิล ด้าน “เดอ บรอยน์” คืนถิ่นเก่าแต่ทีมแพ้

มาร์คัส แรชฟอร์ด ระเบิดฟอร์มเก่ง! ยิงคนเดียว 2 ประตู พา บาร์เซโลนา บุกชนะ นิวคาสเซิล 2-1 ประเดิม 3 แต้มในศึก UCL ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ก็ทำสถิติยิงถึง 50 ประตูในรายการนี้เร็วที่สุด

KEY

POINTS

  • มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้บาร์เซโลนาบุกไปเอาชนะนิวคาสเซิล 2-1
  • เควิน เดอ บรอยน์ กลับไปเยือนถิ่นเก่า แต่ทีมนาโปลีของเขาพ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • เดอ บรอยน์ ได้ลงเล่นเพียง 26 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก เนื่องจากทีมของเขาเหลือผู้เล่น 10 คน

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบลีกgal นัดแรก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการกลับสู่ถิ่นอังกฤษของสองสตาร์ดังอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ของพวกเขาในค่ำคืนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"แรชฟอร์ด" ระเบิดฟอร์มเก่ง! พานิวคาสเซิลพ่ายคาบ้าน

มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ย้ายมาค้าแข้งกับบาร์เซโลนาในฤดูกาลนี้ ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงที่เซนต์เจมส์ พาร์ค และไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นและทำคนเดียวถึง 2 ประตู ช่วยให้ บาร์เซโลนา บุกมาเฉือนชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1

แม้ว่านิวคาสเซิลจะสร้างโอกาสในการทำประตูได้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เป็น แรชฟอร์ด ที่เป็นผู้สร้างความแตกต่าง โดยประตูแรกของเขามาจากลูกโหม่งในนาทีที่ 58 จากการเปิดของ ฌูลส์ กุนเด้ ก่อนที่ในอีก 9 นาทีต่อมา แรชฟอร์ดจะทำประตูที่สองด้วยลูกยิงสุดสวยจากระยะ 25 เมตร บอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างหมดจด ชนิดที่ทำให้ผู้ชมทั้งสนามต้องตะลึง ซึ่งหลังจบเกมเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ด้วยความตื่นเต้นว่า “ผมมีความสุขมาก ผมรู้สึกมีแรงจูงใจและมุ่งมั่นสุดๆ การได้เล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่มีคุณภาพสูงแบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกกระตือรือร้น”

แม้ว่า แอนโธนี กอร์ดอน จะมาทำประตูตีไข่แตกในช่วงท้ายเกมให้กับนิวคาสเซิล แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในบ้านไปได้

ฮีโร่คนใหม่บาร์ซ่า! “แรชฟอร์ด” ซัดเบิ้ลดับนิวคาสเซิล ด้าน “เดอ บรอยน์” คืนถิ่นเก่าแต่ทีมแพ้

"เดอ บรอยน์" คืนถิ่นแต่ทีมแพ้ "ฮาลันด์" ทำสถิติ

ในอีกคู่ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของ นาโปลี ได้เดินทางกลับมายังสโมสรเก่าที่เขาเคยสร้างตำนานไว้เป็นเวลา 10 ปี แต่การกลับมาในครั้งนี้กลับไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวัง

เกมนี้ทีมเยือนนาโปลีต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนตั้งแต่ในนาทีที่ 26 หลังจากที่ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ไปทำฟาวล์ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ผู้ตัดสินชูใบแดงโดยตรง ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือของนาโปลีจำเป็นต้องแก้เกมด้วยการถอด เดอ บรอยน์ ออกจากสนามอย่างรวดเร็วเพื่อปรับแนวรับ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะอยู่ในสนามเพียง 26 นาที แต่ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นจากแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ที่ยังคงรักและชื่นชมเขาไม่เสื่อมคลาย

แมนฯ ซิตี้ ที่มีผู้เล่นมากกว่า อาศัยความได้เปรียบเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 56 จากลูกโหม่งของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ยิงถึง 50 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการลงสนามเพียง 49 นัดเท่านั้น ก่อนที่ เฌเรมี่ โดกู จะมาทำประตูย้ำชัยชนะในนาทีที่ 65 ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ เก็บ 3 คะแนนแรกในรายการนี้ไปได้สำเร็จ

ผลการแข่งขันคู่ที่น่าสนใจ

  • ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต โชว์ฟอร์มดุดัน เมื่อเปิดบ้านไล่ถล่ม กาลาตาซาราย ไปอย่างขาดลอย 5-1
  • สปอร์ติ้ง ลิสบอน เอาชนะ ไครัต อัลมาตี ทีมจากคาซัคสถานไป 4-1 โดยไครัต อัลมาตี ต้องเดินทางกว่า 7,000 กิโลเมตร เพื่อลงเล่นในนัดนี้ ซึ่งถือเป็นการเดินทางที่ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของแชมเปี้ยนส์ลีก
  • คลับ บรูช เปิดบ้านเอาชนะ โมนาโก ไป 4-1 โดยเกมนี้โมนาโกต้องเผชิญกับปัญหาตั้งแต่ก่อนแข่ง เมื่อเที่ยวบินของพวกเขามีปัญหาระบบปรับอากาศขัดข้องจนต้องเลื่อนการเดินทางออกไป
  • โคเปนเฮเกน ยันเสมอ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-2 โดยเลเวอร์คูเซ่นได้ประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากการทำเข้าประตูตัวเองของนักเตะโคเปนเฮเกน