
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เดินหน้าเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ หลังคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรก ด้วยการถล่ม อินเตอร์ มิลาน 5-0 ในนัดชิงที่มิวนิก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยขุนพลเปแอสเชได้จัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทั้งบนรถบัสเปิดประทุนทั่วกรุงปารีส และต่อเนื่องที่สนามเหย้า ปาร์ก เดส์ แปรงซ์ ในคืนวันอาทิตย์
หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือผู้พาทีมคว้าถ้วย "บิ๊กเอียร์" ได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง เช่นเดียวกับ อุสมาน เดมเบเล่ ที่บรรดาแฟนบอลถึงกับตะโกนเรียกร้องให้เขาได้รางวัลบัลลงดอร์ ขณะนักเตะเดินเข้าสู่สนามทีละคนโดยมีภาพขึ้นบนจอยักษ์กลางสนาม
อย่างไรก็ตาม เสียงเฮดังที่สุดของค่ำคืนนี้ตกเป็นของ มาร์กินโญส กัปตันทีมจอมเก๋า ซึ่งถือถ้วยแชมป์คู่กับประธานสโมสร นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ก่อนจะถูกเพื่อนร่วมทีมโยนขึ้นฟ้า พร้อมเสียงเชียร์สะท้านสนาม
ก่อนหน้านี้ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เปแอสเช ได้จัดขบวนรถบัสเปิดประทุนวิ่งผ่านถนนฌ็องเซลิเซ่ พร้อมเสียงเชียร์และธงแดง-น้ำเงินจากแฟนบอลนับแสนที่มารอรับนักเตะตั้งแต่ก่อนเวลา 17.00 น.
บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก แม้จะมีเหตุรุนแรงเล็กน้อยในคืนก่อนหน้า แต่ตำรวจฝรั่งเศสได้ระดมกำลังกว่า 1,000 นายเพื่อควบคุมสถานการณ์ และสามารถป้องกันเหตุซ้ำได้สำเร็จ
เดมเบเล่แจกจูบให้แฟนบอล ขณะที่เอ็นริเก้ร่วมร้องเพลงประจำสโมสรอย่างอารมณ์ดี โดยทีมงานทั้งหมดยังได้รับเกียรติให้เข้าเยี่ยมทำเนียบประธานาธิบดี และพบกับท่านประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง กับภริยา
แม้บรรยากาศส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความชื่นมื่น แต่คืนแห่งชัยชนะก็ต้องมัวหมองด้วยเหตุความรุนแรงในหลายพื้นที่
มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ เยาวชนวัย 17 ปีในเมืองแดกซ์ ที่ถูกแทงเสียชีวิตระหว่างการฉลองชัย และชายวัย 20 กว่าในปารีสที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างขับสกูตเตอร์ชนกับรถยนต์ ขณะร่วมขบวนเฉลิมฉลอง
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากดอกไม้ไฟ และประชาชนบาดเจ็บรวม 201 ราย โดย 4 รายอยู่ในอาการสาหัส
PSG ได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุรุนแรงดังกล่าวว่า “พฤติกรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ขัดต่อค่านิยมของสโมสร และไม่ใช่สิ่งที่แฟนบอลส่วนใหญ่ของเรายึดถือ”
แม้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นบ้าง แต่ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร และของวงการฟุตบอลฝรั่งเศส
จากสโมสรฝรั่งเศสที่เคยคว้าแชมป์ยุโรป มีเพียง มาร์กเซย (แชมป์ปี 1993) และเปแอสเช (แชมป์คัพวินเนอร์สคัพ 1996) ที่เคยสัมผัสถ้วยใหญ่ และนับจากนี้ PSG จะกลายเป็นสโมสรฝรั่งเศสที่คว้าแชมป์ยุโรปถึง 2 รายการ
เสียงเพลง “แชมป์แห่งยุโรป” ดังกระหึ่มใน ปาร์ก เดส์ แปรงซ์ พร้อมแสงไฟ สีสัน และความทรงจำที่แฟนบอลจะไม่มีวันลืม ค่ำคืนที่เปแอสเชขึ้นครองบัลลังก์ยุโรปได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปีของสโมสร