
โดยศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศฤดูกาล 2023/24 เป็น "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ที่ยังครองความยิ่งใหญ่ในถ้วยใบนี้ได้ต่อไป หลังเอาชนะ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0
เกมนี้แม้ครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ จะทำเกมบุกได้เหนือกว่า แต่ไม่เฉียบขาดพอในจังหวะสุดท้ายทำให้ขึ้นนำไม่สำเร็จ โดยสถิติครึ่งแรกชี้ชัดว่า เสือเหลือง มีโอกาสยิงถึง 8 ครั้ง ยิงเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ เรอัล มาดริด ยิงไม่เข้ากรอบเลยจากโอกาส 2 ครั้ง เป็นสถิติที่แย่ที่สุดของ ราชันชุดขาว ในยูซีแอลซีซั่นนี้
อย่างไรก็ตามในครึ่งหลัง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือ เรอัล มาดริด แก้เกมมาได้ดีขึ้น ก่อนจะขึ้นนำจากลูกเตะมุมที่ ดานี่ การ์บาฆาล โหม่งเข้าไป ต่อด้วยประตูที่สองของ วินิซิอุส จูเนียร์ ช่วยให้ "ราชันชุดขาว" ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 15 จากการเข้าชิง 18 ครั้ง และนับตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบจากยูโรเปี้ยนคัพมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขาเข้าชิงได้ 9 ครั้ง จบลงด้วยการเป็นแชมป์ทั้งหมด
สถิติในนัดชิงชนะเลิศของ เรอัล มาดริด
สำหรับ วินิซิอุส จูเนียร์ จากการทำได้หนึ่งประตูในเกมนี้ ทำให้เขาสร้างสถิติมีส่วนร่วมกับประตูในรอบน็อกเอาต์รายการนี้ได้ถึง 22 ลูก (11 ประตู และ 11 แอสซิสต์) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับเฉพาะนักเตะอายุต่ำกว่า 24 ปี เทียบเท่ากับที่ ลิโอเนล เมสซี่ เคยทำได้สมัยเล่นให้ บาร์เซโลน่า