
กลับเข้าสู่ช่วงโปรแกรมทีมชาติกันอีกครั้ง โดยในวงการฟุตบอลยุโรปก็จะเป็นการแข่งขันศึกฟุตบอล ยูโร 2024 รอบคัดเลือก ซึ่งปัจจุบันมีทีมที่ผ่านเข้ารอบแน่นอนแล้ว 9 ชาติ ประกอบด้วย เยอรมนี (เจ้าภาพ) สเปน (กลุ่ม A), สกอตแลนด์ (A), ฝรั่งเศส (B), อังกฤษ (C), ตุรกี (D), เบลเยียม (F), ออสเตรีย (F) ), โปรตุเกส (J)
โดยยังมีอีกหลายทีมที่มีโอกาสจะการันตีการผ่านเข้ารอบสุดท้ายในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งสถานการณ์แต่ละกลุ่มมีดังนี้
กลุ่ม A
ตอนนี้แทบจะจบแล้ว เนื่องจาก สเปน และ สกอตแลนด์ ผ่านเข้ารอบเรียบร้อย ที่จะลุ้นกันต่อได้ก็คือทีมใดจะซิวแชมป์กลุ่มเท่านั้นเอง (มี 15 คะแนน เหลือโปรแกรมอีก 2 นัดเท่ากันทั้งคู่)
ฝรั่งเศส เข้ารอบไปแล้ว ส่วนอีกทีม เนเธอร์แลนด์กับ กรีซ มี 12 แต้มเท่ากัน แต่ขุนพลดัตช์ได้เปรียบมากกว่าเพราะเหลือโปรแกรมอีก 2 นัดกับไอร์แลนด์และยิบรอลตา ส่วนกรีซเหลืออีกแค่นัดเดียวกับการเจอ ฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อดูโปรแกรมแล้วก็ต้องบอกว่า เนเธอร์แลนด์ ไม่น่าพลาด
อังกฤษ การันตีเข้ารอบไปแล้ว ส่วนที่ 2 ของกลุ่มจะเป็นการแบ่งชิงกันระหว่าง ยูเครน (13 แต้มจาก 7 นัด) กับ อิตาลี (10 แต้มจาก 6 นัด) โดย อิตาลี จะต้องเผชิญหน้ากับมาซิโดเนียเหนือก่อน ซึ่งหากชนะจะทำให้พวกเขามีแต้มเท่ากับยูเครน และทั้งสองชาติจะไปเจอกันในนัดสุดท้ายที่เยอรมนี (ยูเครนเป็นทีมเหย้า แต่แข่งในบ้านไม่ได้เนื่องจากสงคราม) ดังนั้น กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่น่าจะได้ลุ้นกันถึงนัดสุดท้าย
ตุรกีเข้ารอบไปแล้ว ส่วนรองแชมป์กลุ่มต้องลุ้นกัน 3 ทีม คือ เวลส์ กับ โครเอเชีย (10 แต้มจาก 6 นัดเท่ากัน) และ อาร์เมเนีย (7 แต้มจาก 6 นัด) โดย เวลส์ จะเจอ อาร์เมเนีย และ ตุรกี ส่วน โครเอเชีย จะเจอ ลัตเวีย และ อาร์เมเนีย ดังนั้นสรุปก็คือ อาร์เมเนียคือตัวแปรสำคัญของกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตามต้องถือว่า เวลส์ เป็นทีมที่ได้เปรียบที่สุด เพราะหากจบทุกเกมแล้วมีแต้มเท่ากับ โครเอเชีย จะเป็น เวลส์ ที่เข้ารอบเนื่องจากผลเฮดทูเฮดดีกว่า (บุกเสมอ 1-1 และเปิดบ้านชนะ 2-1)
แต่ถ้าหาก อาร์เมเนีย ชนะทั้ง 2 นัดที่เหลือ ก็มีโอกาสที่ทั้งสามทีมจะมี 13 แต้มเท่ากัน ซึ่งต้องตัดสินการเข้ารอบด้วย “มินิลีก”
เป็นกลุ่มที่ยังไม่มีทีมใดการันตีเข้ารอบ โดยตอนนี้แอลเบเนียเป็นจ่าฝูง (13 แต้มจาก 6 นัด) มีแต้มนำสาธารณรัฐเช็กอยู่ 2 แต้ม ที่ 3 คือโปแลนด์ (10 แต้มจาก 7 นัด) และที่ 4 คือ มอลโดว่า (9 แต้มจาก 6 นัด)
ในสี่ทีมนี้ โปแลนด์เหลือเกมในบ้านเพียงนัดเดียวกับสาธารณรัฐเช็ก ดังนั้นยังพอมีโอกาสที่พวกเขาจะจบในสองอันดับแรก ในขณะที่แอลเบเนียจะเจอกับหมู่เกาะแฟโรเป็นเกมสุดท้าย ซึ่งแทบจะการันตี 3 แต้มอยู่แล้ว จึงถือว่าได้เปรียบเช่นกัน