svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"วราวุธ" ระดมพลังร่วมออกแบบนโยบาย-มาตรการพาไทยผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร

"วราวุธ" ประชุมเชิงปฏิบัติการ "พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร" เพื่อระดมความเห็นทุกภาคส่วน ร่วมกันออกแบบนโยบาย-มาตรการ ก่อนชง ครม.-เสนอ UN หลังไทยเผชิญวิกฤตสังคมผู้สูงวัยพุ่งทะยาน ขณะที่อัตราเด็กเกิดใหม่ลด

7 มีนาคม 2567 เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังสะท้อนถึงสภาพทางสังคมของโลกยุคปัจจุบัน คือ จำนวนอัตราของเด็กเกิดใหม่กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้ไทย จึงก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

หามาตรการขับเคลื่อนความมั่นคงครอบครัวไทย  

โดย "นายวราวุธ ศิลปอาชา" รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ "พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร" ซึ่งร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการจุฬาอารี และ World Bank พร้อมทั้งแถลงนโยบายการขับเคลื่อนงาน

วราวุธ ศิลปอาชา

ทั้งนี้ เพื่อให้สังคมตระหนักถึงประเด็นท้าทายของประชากรที่ส่งผลสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทุกช่วงวัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนการพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวไทยสู่ความมั่นคงของมนุษย์ 
 

ปี 2585 ประชากรไทยเหลือ 60 ล้านคน

สำหรับงานครั้งนี้ ได้มีการ Workshop ระดมความคิดจากทุกภาคส่วนในรูปแบบ World Cafe จากกลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มระบบนิเวศน์เพื่อความมั่นคงของครอบครัว โดยมี ผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่าย NGOs และองค์กรประชาสังคม องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ เข้าร่วมด้วย รวมกว่า 400 คน

โดย​​​​​​นายวราวุธ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานลดลง ในขณะที่ สัดส่วนประชากรสูงอายุยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลจากกรมการปกครองพบว่าในปี 2566 มีจำนวนผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20.08 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน และคาดการณ์ว่าในปี 2585 ประชากรไทยจะลดลงเหลือจำนวน 60 ล้านคน แบ่งเป็น

  • ประชากรวัยเด็ก (0-14 ปี) มีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 16.27 เหลือร้อยละ 10.36
  • ประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี) ลดลงจากร้อยละ 64.87 เหลือร้อยละ 58.20
  • สัดส่วนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18.86 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 31.44
     

เผชิญวิกฤตวัยแรงงานขาดแคลน

อย่างไรก็ตาม ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จาก 12.5 ล้านคน เป็น 18.9 ล้านคน ส่งผลให้อนาคตของประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลน และประสบกับภาวะพึ่งพิงของผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลกด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ก็มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ 
 

คนสูงวัยยังทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2565 มีจำนวนผู้สูงอายุที่ทำงาน 4.74 ล้านคน (36.1%) เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านคน จากปี 2564 (4.54 ล้านคน, 34.9%) โดยผู้สูงอายุยังคงทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เงินออมไม่พอ ไม่มีลูกหลานดูแล

ขณะเดียวกัน ในปี 2562 กลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาและว่างงาน ที่มีอายุ 15-29 ปี มีจำนวนประมาณ 1.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25.5 ของประชากรในกลุ่มอายุดังกล่าว ทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากครอบครัวรายได้น้อย

คนจนเข้าถึงการศึกษาน้อยกว่าคนรวย 6 เท่า

นอกจากนี้ รวมทั้งข้อมูลขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก พบว่า "ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา" ยังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนจาก "ครอบครัวยากจน" จำนวนมาก ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือสูงกว่าภาคบังคับ

ทั้งนี้ ยูเนสโกระบุว่าไทยมีเยาวชนจากครัวเรือนฐานะยากจนที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ คือ มีเพียง 8 ใน 100 คนเท่านั้น ที่สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ น้อยกว่าเด็กที่มาจากครัวเรือนร่ำรวยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศถึง 6 เท่า อีกทั้ง ข้อมูลจากบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ พบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทยเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดการขาดดุลรายได้ ของประเทศเพิ่มขึ้น 1.34 เท่า ในช่วงปี 2562-2583

โครงสร้างประชากรเพิ่มภาระทางการคลัง

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจะทำให้ภาระทางการคลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ในปี 2583 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.41 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมทั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2564) งบประมาณด้านสังคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า (2565-2583) จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

พัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยรับโลกยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวภาครัฐและทุกภาคส่วนของสังคม จึงต้องตื่นตัวมากขึ้นในการกำหนด หรือออกแบบนโยบายตั้งแต่วันนี้ (7มี.ค.) ที่จะทำให้รายได้จากแรงงานเพิ่มสูงขึ้น และจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย เพื่อให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกยุคปัจจุบัน และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานสมัยใหม่ ให้ความรู้กับทุกช่วงวัย และให้ความสำคัญกับการปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการการเงิน การออม 

นายวราวุธ ระบุว่า จากสถานการณ์ต่างๆ ข้างต้น จึงอาจคาดการณ์ได้ถึงวิกฤตทางประชากรในอนาคต ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรแบบก้าวกระโดด

นอกจากนี้ ถือเป็นความท้าทายต่อบทบาทและภารกิจของกระทรวง พม.  
และของสังคมไทยที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้า ทั้งต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสถานภาพทางการเงินการคลังของประเทศ ต่อการสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมที่เหมาะสม ต่อความยั่งยืนของระบบการเงินของครัวเรือน ตลาดการเงิน และระบบการคลังของประเทศ และต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้แก่ การได้รับการศึกษา การทำงาน ระบบบริการสุขภาพที่เหมาะสม และที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและปลอดภัย 

 

"วันนี้สังคมไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำ ว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สิ่งที่ควรจะให้ถ้วนหน้า คือ โอกาส ให้คนคนหนึ่ง สามารถยืนอยู่ในสังคม บนลำแข้ง และความสามารถของตัวเอง" นายวราวุธ ระบุ 


เสนอ 5 แนวทางหลุดพ้นปัญหาโครงสร้างประชากร

สำหรับแนวทางสำคัญที่จะต้องเร่งทำวันนี้ในการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวของประเทศไทย เพื่อจะไม่ต้องเจอปัญหาวิกฤตโครงสร้างประชากร คือ

  1. ต้องเสริมพลังวัยทำงานให้มีความหวังอยู่ในสังคมได้ สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้
  2. เพิ่มคุณภาพของเด็กและเยาวชน เด็กยิ่งน้อย ยิ่งต้องทำให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
  3. เพิ่มพลังให้กับผู้สูงอายุ เมื่อมีผู้สูงอายุมากต้องดึงพลังออกมาใช้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ให้องค์ความรู้กับผู้สูงอายุ ในยามที่อายุมากขึ้นแต่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อไม่ให้มิจฉาชีพหลอกผู้สูงอายุได้
  4. สร้างโอกาสและเสริมคุณค่าพัฒนาศักยภาพให้กับคนพิการทั่วประเทศให้มีการจ้างงานคนพิการ ซึ่งปัจจุบันการจ้างคนพิการมาเป็น call center เพราะจะมีเซ้นส์ในการฟังดีกว่าคนปกติ 
  5. การสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อในการสนับสนุนครอบครัวให้เติบโตและมีพลังชีวิตของตนเอง 

นายวราวุธ ย้ำว่า หลังจากการประชุมวันนี้ พม. จะจัดทำสมุดปกขาว "พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์" เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวสู่ความมั่นคงของมนุษย์ ไปเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนเม.ย. 2567

ทั้งนี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบนำไปสู่การขับเคลื่อนเป็นนโยบายของทุกกระทรวง และจะได้นำเสนอในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57  ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 เม.ย. - 3 พ.ค. 2567 ต่อไป