พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาความสงบภายในทั่วราชอาณาจักร ในเหตุการณ์การรัฐประหารในประเทศไทย 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 โดยคณะบริหารประเทศชั่วคราว เนื่องจากเป็นอธิบดีกรมตำรวจ เขายังเป็นบุคคลหนึ่งที่มีบทบาททางการเมืองสูงมาก ในช่วงก่อนการรัฐประหาร พ.ศ. 2500
พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2452 ที่ ตำบลบางขุนพรหม อำเภอบางขุนพรหม จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของ พ.ต.ท. พระพลาพิรักษ์เสนีย์ (พลุ้ย ศรียานนท์) และนางพงษ์ ศรียานนท์ ครอบครัวมีเชื้อสายเมียนมา สมรสกับ คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์ (สกุลเดิม ชุณหะวัณ) มีบุตรสาวด้วยกันชื่อ ผ่องลักษณ์ ประศาสน์วินิจฉัย (สกุลเดิม ศรียานนท์)
สอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนเบญจมบพิตร หรือโรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร ในปัจจุบัน ต่อมาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก เมื่อ พ.ศ. 2469
ประวัติการรับราชการของ "พลตำรวจเอก เผ่า" อาทิ
พล.ต.อ. เผ่า เป็นนายตำรวจที่ประชาชนชาวไทยในยุคสมัยนั้นรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเสมือนมือขวาของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเผด็จการทหาร ในสมัยนั้น เริ่มแรก พล.ต.อ. เผ่า นั้นรับราชการเป็นทหารมาก่อน ก่อนจะย้ายตัวเองมาเป็นตำรวจ
ยุคของ พล.ต.อ. เผ่า นั้น ถูกเรียกว่ายุค "รัฐตำรวจ" หรือ "อัศวินผยอง" เนื่องจาก พล.ต.อ. เผ่า ได้เสริมสร้างขุมกำลังตำรวจจนสามารถเทียบเท่ากับกองทัพๆ หนึ่งเหมือนทหารได้ โดยเริ่มให้มี ตำรวจน้ำ, ตำรวจพลร่ม, ตำรวจม้า, ตำรวจรถถัง ตลอดจนให้มีธงไชยเฉลิมพลเหมือนทหาร จนมีการกล่าวในเชิงประชดว่า อาจจะมีถึงตำรวจเรือดำน้ำ เป็นต้น
ในทางการเมือง พล.ต.อ. เผ่า มีฐานะเป็นเลขาธิการพรรคเสรีมนังคศิลาของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ถูกกล่าวว่าสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะมีตั้งแต่การข่มขู่ผู้ลงคะแนนให้เลือกแต่พรรคเสรีมนังคศิลา มีการเวียนเทียนลงคะแนนกันหลายรอบ ที่เรียกว่า พลร่ม หรือ ไพ่ไฟ และนับคะแนนกันถึง 7 วัน 7 คืน
ถึงแม้จะชนะเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ ก็ถูกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ยึดอำนาจล้มรัฐบาลในวันที่ 16 กันยายน ปี 2500 พล.ต.อ. เผ่า ถูกบังคับให้เดินทางออกนอกประเทศไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ จนถึงแก่อนิจกรรม อาการหัวใจวาย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ปี 2503 สิริอายุ 51 ปี
ขอบคุณข้อมูล : วิกิพีเดีย, สถาบันพระปกเกล้า, สถาบันปรีดี พนมยงค์