13 มกราคม 2567 สัปดาห์ที่สองของเดือน ม.ค. ในทุกปี ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาว โดยจัดให้เป็นวันเด็กแห่งชาติ และปี 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 13 ม.ค. ซึ่งรัฐบาลได้มีการจัดกิจกรรม "วันเด็กแห่งชาติ 2567" พร้อมเปิดทำเนียบรัฐบาล ให้เด็กและเยาวชน ได้เข้ามาเยี่ยมชม
โดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชน ที่มาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ได้ลองนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งในปีนี้ ผู้ที่เดินทางมารอเป็นคนแรก คือ ด.ช.ชนะโชค แสนมุข หรือ "น้องโชค" นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จาก จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมารอนั่งเก้าอี้ลุงนิด ตั้งแต่เวลา 05.00 น.
น้องโชค กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมาเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล และได้เคยนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว ในสมัยรัฐบาล "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" อดีตนายกฯ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ยังเปิดโอกาสให้ เด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส จำนวน 10 คน จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีโอกาสทดลองนั่งเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ก่อนจะเปิดโอกาสที่เด็ก ๆ และเยาวชน ที่เดินทางมาร่วมกิจกรรม ได้ร่วมสัมผัสเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรี
สำหรับวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลปีนี้ ได้มีการย้ายชุดโต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีลงมาจากห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี มาไว้ที่ห้องสีม่วง ซึ่งอยู่ชั้น 1 ของตึกไทยคู่ฟ้า เนื่องจาก ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม
นายเศรษฐา ยังได้กล่าวเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ พร้อมให้โอวาทแก่เด็ก ๆ ที่มาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า สุขสันต์วันเด็ก แก่เยาวชนคนไทยทุกคนที่มีคุณค่าในตัวเอง และเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศ พร้อมย้ำถึงคำขวัญวันเด็กแห่งชาติที่ได้มอบให้กับเยาวชนเป็นของขวัญในปีนี้ว่า "มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย"
ทั้งนี้ เพื่อให้เด็ก ๆ สัมผัสถึงความรัก ความห่วงใย และความปรารถดีจากผู้ใหญ่ ที่อยากให้เห็นโลกกว้าง อยู่บนความรักความเข้าในใจความแตกต่างของผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ซึ่งเป็นประชาธิปไตยที่อยู่บนฐานความรักความเห็นใจของเพื่อนร่วมชาติ และเพื่อนมนุษย์บนโลกกว้างใหญ่ มีโลกทัศน์กว้างไกล
"ฝากไปยังผู้ปกครองและคุณครู ให้ช่วยกันเสริมสร้างทักษะแก่เด็กให้ทันโลกทันสมัย และปลูกฝันคุณธรรม และจริยธรรมสากล เคารพสิทธิ-เสรีภาพของกันและกัน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต" นายเศรษฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวปรารถนา อยากให้เด็ก ๆ ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อใช้เป็นโอกาสในการดำรงชีวิตในมิติทางเศรษฐกิจ และมิติการสร้างความสุขให้ตนเอง และผู้อื่น โดยยืนยันว่า รัฐบาลตั้งเป้ามุ่งมั่นให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษา จะไม่มีเด็ก และเยาวชนตกหล่น หรือหลุดออกจากการศึกษา และจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เพิ่มทางเลือกตามความต้องการ และวิถีชีวิตของผู้เรียน มุ่งสร้างสมรรถนะทางอาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาซ้ำซาก
โดยภายหลังนายกฯ กล่าวเปิดงานวันเด็กเสร็จสิ้น ก็ได้เยี่ยมชมบูธกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลปีนี้ มาในธีมซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชนไทย ได้สัมผัสวัฒนธรรมไทย ทั้งการทำขนมไทย และอาหารไทย การวาดภาพระบายสีรถตุ๊กตุ๊ก การชิมขนมน้ำตาลปั้น การฝึกทำว่าวจุฬา การฝึกการไหว้สวย การแสดงมวยไทย การจำลองวันสงกรานต์ การแสดงหุ่นกระบอก
นอกจากนี้ ยังมีขบวนพาเรด Mascot ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดร่วมใจลดโลกเดือด Kids Change: World Change เพื่อนำเสนอความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดแสดงหุ่นยนต์ และ E-Sport รวมถึงการจัดแสดงรถโบราณ หรือรถไมโครคาร์ ในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่ สำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้เปิดตึกนารีสโมสร ให้เด็ก ๆ จับไมโครโฟน รับบทเป็น "โฆษกรัฐบาล" แถลงข่าวของรัฐบาล และเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้ง ยังมีภาคเอกชน รวมถึงองค์การต่าง ๆ ได้มาจัดกิจกรรม เพื่อมอบของรางวัลให้กับเด็กๆ ที่มาร่วมงาน
พร้อมทั้งยังมอบอาหาร ขนม และเครื่องดื่มด้วย แต่ว่า วันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาลปีนี้ ไม่มีการจัดแสดงไดโนเสาร์ หลากหลายสายพันธุ์ เหมือนวันเด็กในปีที่ผ่าน ๆ มาแล้ว มีเพียงการนำซากไดโนเสาร์สายพันธุ์ซอโรพอด คอยาว กินพืช จากพิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์มาจัดแสดงให้เด็ก ๆ ให้ชม
ขณะเดียวกัน "นายสมบัติ บัญชาเมฆ" หรือ "บัวขาว บัญชาเมฆ" นักมวยไทย มาโชว์ตัวให้เด็ก ๆ ได้ตื่นตาตื่นไทย และรู้จักกับ "มวยไทย" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้านกีฬาให้กับเยาวชน พร้อมร่วมกันถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย