svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาล-อัยการ เเนะข้อ กม. เด็กเชื่อมจิต ผิดชัดหรือไม่ ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ

ตอบข้อสงสัยของสังคม ศาล-อัยการ เเนะข้อกฎหมายกรณีเด็กเชื่อมจิต ผิดกฎหมายชัดหรือไม่ และงานนี้ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ รวมถึงต้องทำอย่างไร

14 พฤษภาคม 2567 เป็นประเด็นที่สังคมต้องตามติด กรณี น้องไนซ์เชื่อมจิต ที่ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งเข้าตรวจสอบว่า จะมีการทำผิดกฎหมายเกี่ยวข้องข้อใดบ้าง ซึ่งเบื้องต้น กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่บ้านของน้องไนซ์ เพื่อพูดคุยกับน้องไนซ์และครอบครัว พร้อมเตรียมเสนอต่อศาลเด็กและเยาวชน ขอใช้คำสั่งศาลขั้นเด็ดขาด ในการเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงน้องไนซ์เชื่อมจิต เนื่องจากพ่อและแม่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ 
ศาล-อัยการ เเนะข้อ กม. เด็กเชื่อมจิต ผิดชัดหรือไม่ ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ
 

เเหล่งข่าวผู้พิพากษาได้ให้ความเห็น กรณีเด็กชายลัทธิเชื่อมจิตว่า เรื่องนี้มี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 โดยมีมาตราที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังนี้

มาตรา 25 (5) บัญญัติไว้ว่า ผู้ปกครองต้องไม่กระทำการดังต่อไปนี้ คือต้องไม่ปฏิบัติต่อเด็กโดยการเลี้ยงดูโดยมิชอบ

มาตรา 26 (3) บัญญัติไว้ว่า ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายอื่น ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการ บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติ เสี่ยงต่อการกระทำผิด 

มาตรา 26(5) บัญญัติไว้ว่า บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอม หรือกระทำด้วยประการใด ให้เด็กไปเป็นขอทาน เด็กเร่ร่อน หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทานหรือการกระทำผิด หรือกระทำด้วย ประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก
ศาล-อัยการ เเนะข้อ กม. เด็กเชื่อมจิต ผิดชัดหรือไม่ ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ
 

มาตรา 29 บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดพบเห็นเด็กตกอยู่ในสภาพจำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตาม จะต้องให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กโดยมิชักช้า

แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่รับตัวเด็กไว้รักษาพยาบาล ครู อาจารย์ หรือนายจ้าง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเต็กที่เป็นศิษย์หรือลูกจ้าง จะต้องรายงานให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจทราบโดยมิชักช้า หากเป็นที่ปรากฎชัดหรือน่าสงสัยว่า เด็กถูกทารุณกรรมหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการเลี้ยงดูโดยมิชอบ การแจ้งหรือการรายงานตามมาตรานี้ เมื่อได้กระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญาหรือทางปกครอง
ศาล-อัยการ เเนะข้อ กม. เด็กเชื่อมจิต ผิดชัดหรือไม่ ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ

มาตรา 30 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้ ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่มีอำนาจและหน้าที่

(1) เข้าไปในเคหสถาน สถานที่ใด ๆ หรือยานพาหนะใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกเพื่อตรวจค้น ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำทารุณกรรมเด็ก มีการกักขังหรือเลี้ยงดูโดยมิชอบ  แต่ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากไม่ดำเนินการในทันที เด็กอาจได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ หรือถูกนำพาไปสถานที่อื่น ชึ่งยากแก่การติดตามช่วยเหลือ ก็ให้มีอำนาจเข้าไปในเวลาภายหลังพระอาทิตย์ตกได้

(2) ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า เด็กจำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือ คุ้มครองสวัสดิภาพ ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การสงเคราะห์ และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กอาจ นำตัวเด็กไปยังที่ทำการของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและครอบครัว รวมทั้ง บุคคลที่เด็กอาศัยอยู่ ทั้งนี้ จะต้องกระทำโดยมิชักช้า แต่ไม่ว่ากรณีใด จะกักตัวเด็กไว้นานเกินกว่าสิบสองชั่วโมงไม่ได้ ระหว่างที่เด็กอยู่ในความดูแล จะต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู และหากเจ็บป่วยจะต้องให้การรักษาพยาบาล

(3) มีหนังสือเรียกผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่นใดมาให้ถ้อยคำหรือข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ ความประพฤติ สุขภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัวของเด็ก

(4) ออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ปกครองของเด็ก นายจ้างหรือผู้ประกอบการ เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ ที่เด็กทำงานหรือเคยทำงาน อาศัยหรือเคยอาศัยอยู่ เจ้าของหรือ ผู้ครอบครองหรือผู้ดูแลสถานศึกษาที่เด็กกำลังศึกษาหรือเคยศึกษา หรือผู้ปกครองสวัสดิภาพ ส่งเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ การศึกษา การทำงาน หรือความประพฤติของเด็กมาให้

(5) เข้าไปในสถานที่อยู่อาศัยของผู้ปกครอง สถานที่ประกอบการของนายจ้างของเด็ก สถานศึกษาของเด็ก หรือสถานที่ที่เด็กมีความเกี่ยวข้องด้วย ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เพื่อสอบถามบุคคลที่อยู่ในที่นั้น ๆ และรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ ความสัมพันธ์ในครอบครัว การเลี้ยงดู อุปนิสัย และความประพฤติของเด็ก

(6) มอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครอง พร้อมกับแนะนำหรือตักเตือนผู้ปกครอง ให้ดูแลและอุปการะเลี้ยงดูเด็กในทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาในทางที่เหมาะสม

(7) ทำรายงานเกี่ยวกับตัวเด็ก เพื่อมอบให้แก่สถานแรกรับในกรณีมีการส่งเด็กไปยังสถานแรกรับ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีการร้องขอเด็กที่อยู่ในความดูแลของพนักงานเจ้าหน้าที่ จะต้องได้รับการอุปการะเลี้ยงดูและได้รับการศึกษาอย่างเหมาะสม และก่อนที่จะจัดให้เด็กเข้าอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับสถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู จะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์และการแพทย์ก่อน เท่าที่สามารถกระทำได้ในการปฏิบัติหน้าที่ ฯ โดยพนักงานที่เกี่ยวข้องต้องเเสดงบัตรประจำตัว เเละให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอำนวยสะดวกตามสมควร

เเละ มาตรา40 (2) บัญญัติไว้ว่า เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพได้เเก่ เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ศาล-อัยการ เเนะข้อ กม. เด็กเชื่อมจิต ผิดชัดหรือไม่ ใครควรเป็นเจ้าภาพตรวจสอบ

เเหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำคดีเด็กเเละเยาวชน ได้ให้ความเห็นกรณีเด็กชายลัทธิเชื่อมจิตว่า เรื่องนี้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีหน้าที่โดยตรง เพราะรับผิดชอบเกี่ยวกับสังคมเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนฯ เเละเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ที่มีการนำเยาวชนที่อยู่ในวัยเด็ก ถูกนำมาโฆษณาว่า เป็นผู้วิเศษ โดยไม่ใช่วิถีทางที่เป็นธรรมชาติทั่วไป ถูกต้องตามหลักศาสนาพุทธ เป็นลักษณะชักจูง นำเสนอโดยเก็บค่าบริการเรียกรับประโยชน์ และใช้เด็กให้บริการแก่บุคคลทั่วไป โดยมีค่าตอบแทนกลับมาโดยใช้เด็กเป็นตัวนำเสนอ

ก็ต้องคิดดูว่าเด็กอายุ 8-9 ขวบ ซึ่งอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ควรที่ได้รับการพักผ่อน แต่กลับถูกนำมาใช้ในลักษณะหาผลประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่วิสัยทั่วไปของเด็ก เรื่องนี้ถือเป็นการชักจูงให้เด็กออกนอกวิถีปกติเกินกว่าวิญญูชนทั่วไป และจะเป็นผลเสียที่ทำให้เด็กถูกวิพากษ์วิจารณ์ จนอาจจะเป็นผลเสียต่อไปกับเด็กในอนาคตต่อไปได้

พม. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบว่า เกิดการกระทำแบบนี้จริงหรือไม่ และหากพบว่าจริงก็จะต้องนำตัวเด็กไปคุ้มครอง เพื่อไม่ให้ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด ตรงนี้เป็นอำนาจที่ทำได้และต้องทำเพื่อคุ้มครองเด็กและสังคม 

ในส่วนเรื่องเหตุการเข้าคุ้มครองเด็ก ตรงนี้ถ้าไปดูกฎหมายที่ใช้สำหรับคุ้มครองเด็กและเยาวชนจริง ๆ จะเห็นได้ว่า กรณีที่มีการนำเด็กที่อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน มาเพื่อหาผลประโยชน์ ที่เห็นทั่วไป เช่น เด็กที่เป็นนักแสดงออกทีวี เด็กที่ออกมาแสดงต่าง ๆ เช่น แสดงละครหรือเล่นลิเก ก็จะต้องดูด้วยว่า ช่วงเวลาที่นำเด็กมาแสดงนั้นเป็นช่วงเวลาใด เด็กได้รับการพักผ่อนเพียงพอในวัยหรือไม่ ถ้าไม่ได้รับการพักผ่อนตามวัยที่ควรจะเป็นแค่นี้ก็ผิดแล้ว เเต่ที่ผ่านมาไม่มีผู้ร้องเรียน จะเห็นตัวอย่างได้ดูอย่างร้านเกมส์ ถ้าเด็กไปเล่นเกมตอนดึกๆเล่นถึงตี 1 - 2 ตัวเจ้าของร้านเกมส์ที่ปล่อยให้เด็กเล่น ยังมีความผิดเลย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์