
กระแสดราม่าร้อนปี 2567 ตม.เกาหลี (ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง) เข้มงวดคนไทยไปเที่ยว ได้รับการพูดถึงอย่างหนักอีกครั้งในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา กระทั่งแฮชแท็ก #แบนเที่ยวเกาหลี ติดเทรนด์ในประเทศไทย ทั้งในแอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ และ และ Google trends เมื่อโซเชียลแห่ออกมาเล่าประสบการณ์การถูกปฏิเสธเข้าประเทศเกาหลีใต้
เปิดปฐมเหตุ #แบนเที่ยวเกาหลี
28 ต.ค.ที่ผ่านมา แอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ ร้อนแรงด้วย แฮชแท็ก #แบนเที่ยวเกาหลี หญิงสาวท่านหนึ่ง นำกรณีถูกปฏิเสธเข้าประเทศที่หาเหตุผลไม่ได้ ทั้งที่เคยมาเที่ยวแล้วหลายครั้ง มาเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพูดว่า..
"มาเกาหลี 4 ครั้งแล้วยังเที่ยวไม่พอใจอีกเหรอ"
นอกจากนี้ ยังมีกรณีต้องการเดินทางไปร่วมงานแจกลายเซ็นของศิลปิน-ไอดอล ซึ่งส่วนใหญ่ต้องซื้ออัลบั้มเพื่อให้ได้สิทธิเข้างาน เจ้าตัวเป็นข้าราชการ มีวีซ่าท่องเที่ยวเกาหลี แต่ ตม. กลับไม่สนใจแถมยังบอกว่า..
"ขอมาทำไม ทำให้งานของเขายุ่งยากขึ้น"
บางรายบอกว่า สามารถตอบคำถามของ ตม. ได้ทั้งหมด จนมาถูกถามว่า "หน้าโรงแรมที่จองไว้มีต้นไม้กี่ต้น" เมื่อตอบไม่ได้ ก็ถูกส่งกลับประเทศไทย
จนกระทั่ง "โจอี้ บอย" ยังได้ออกมาแสดงความเห็นว่า "เรื่องเข้าเมืองเกาหลี น่าจะให้ยื่นขอวีซ่าแล้ว จะให้ไปไม่ไปบอกมาเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ"
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่า สาเหตุที่ถูกปฏิเสธเข้าเมือง อาจจะมีสาเหตุและผลกระทบจาก "ผีน้อย" คนไทยที่หลบหนีเข้าไปทำงานในเกาหลี จน ตม. ปฏิบัติเหมือนมีธงในใจแล้วว่าจะส่งคนไทยกลับเท่านั้น จึงอยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐของไทยเร่งแก้ไขปัญหา “ส่งผีน้อยเกาหลีในไทยกลับไปบ้าง”
เกาลีใต้ ยืนยันไม่เคยเพ่งเล็งคนไทยเป็นพิเศษ
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของไทย กังวลว่าปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก ที่ประสงค์ไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้อย่างบริสุทธิ์ใจ จึงได้หารือกับ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ แสดงความเสียใจที่ได้ทราบปัญหาดังกล่าว และไม่ประสงค์ให้ปัญหานี้มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงต่อมิตรภาพที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองฝ่าย
พร้อมได้ย้ำว่า เกาหลีใต้ไม่มีนโยบายที่จะปฏิเสธนักท่องเที่ยวไทยเข้าเมืองแต่อย่างใด โดยการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดอาจเป็นเรื่องความเข้มงวดเฉพาะตัวของเจ้าหน้าที่ ตม. บางคนเท่านั้น
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ยังชี้แจงด้วยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ มีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาคนไทยทำงานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาการทำงานอย่างผิดกฎหมาย เช่น “Voluntary Departure Programme” หรือ โครงการให้ผู้ทำงานอย่างผิดกฎหมายสมัครใจไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ เพื่อให้ส่งกลับประเทศต้นทาง โดยไม่ต้องรับโทษ และไม่ถูกขึ้นบัญชีดำในการเข้าประเทศ
ผัวเมียคนไทยหนีทัวร์ เดือดร้อนไกด์ประกาศตามหา
ในขณะกระแส #แบนเที่ยวเกาหลี มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก กลับปรากฎเรื่องโดดทัวร์เกาหลี เมื่อ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้โลกโซเชียลร้อนแรงอีกครั้ง
เพจเฟซบุ๊ก "Happy Together" ซึ่งประกอบกิจการบริษัททัวร์ โพสต์ตามหาลูกทัวร์ที่หายไปจากโรงแรมกลางดึก ไม่สามารถติดต่อได้ พร้อมลีฟออกจากกรุ๊ปไลน์ โดยทางบริษัททัวร์ เกรงว่า ไกด์ต้องเดือดร้อน ถูกแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศเกาหลีใต้ในระยะยาว เนื่องจากไปช่วยการันตีทั้งสองนักท่องเที่ยว วิงวอนให้กลับประเทศภายใน 90 วัน โดยมีรายละเอียดระบุว่า..
📌📌 #ฝากแชร์ต่อค่ะ หรือ ท่านไหนที่รู้จักลูกค้า 2 ท่าน
#คุณธัญญาพร กXXXXXXXXXX
#คุณเอกลักษณ์ กXXXXXXXXXX
รบกวนแจ้งลูกค้าเดินทางกลับไทยด่วนนะคะ!! เนื่องจากลูกค้าได้ หายไปจากที่พักของทัวร์ ตอนตี 2 ของวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 และจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้หากท่านไหนรู้จักลูกค้า 2 ท่านนี้รบกวนช่วยแจ้งลูกค้าด้วยว่า หากลูกค้าไม่กลับไทยภายใน 90 วัน “หัวหน้าทัวร์” จะโดนแบล็กลิสห้ามเข้าเกาหลี 5 - 10 ปี เนื่องจากหัวหน้าทัวร์ช่วยการันตีลูกค้าให้ผ่าน ตม. เพราะลูกค้าได้โชว์ ทะเบียนสมรส, ข้อมูลและรูปถ่ายเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว รวมถึงสเตจเม้นท์ ยอดเงินในบัญชีกว่า 300,000 บาท ทำให้หัวหน้าทัวร์มั่นใจ และตัดสินใจการันตีลูกค้า
ในเวลาต่อมาจากความร่วมมือของโซเชียลในการตามหา ในที่สุดก็สามารถติดต่อทั้งสองคนได้ และรับปากในการเดินทางกลับประเทศไทยในที่สุด
เปิดเหตุผล ตม.เกาหลี เข้มงวดเฉพาะคนไทย
ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน ประธานศูนย์เกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึง ตม.เกาหลีใต้ช่วงหลังๆ เข้มงวดกับคนไทยมากขึ้นหรือไม่ ว่า ปัญหานี้มีมานานแล้ว ล่าสุดเกาหลีได้เปลี่ยนระบบกลไกขึ้นอีก อาจทำให้เกิดความไม่พอใจที่จะไปเที่ยวตามปกติมากขึ้น
ทั้งนี้ ก่อนสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด ประเทศไทยและเกาหลี มีสนธิสัญญา "ฟรีวีซ่า" มานานแล้ว คนไทยและคนเกาหลีต่างสามารถเข้าประเทศนาน 90 วัน โดยไม่ต้องมีวีซ่า สามารถเดินทางเข้าประเทศไปกรอกใบที่ ตม. เลย ส่วนจะผ่านเข้าไปได้หรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจ
หลังจากสถานการณ์โควิด ประเทศเกาหลี ยกเลิกฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด แล้วมาใช้ระบบ “Register Online” ที่เรียกว่า “K-ETA” เป็นการกรอกเอกสาร ขออนุมัติ และจ่ายเงินล่วงหน้า ทำให้คนต้องยุ่งยากมากขึ้น เมื่อจะไปเที่ยวจริงๆ ไปถึงแล้วถูกปฏิเสธเข้าเมือง จึงเกิดปัญหาเหมือนทุกวันนี้
เปิดข้อมูล "ผีน้อย" ทะลักเกาหลี
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงยุติธรรม ประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยข้อมูล "ผีน้อย" เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 66 พบว่า มีคนไทยในเกาหลีทั้งหมด 195,569 คน อยู่แบบถูกกฎหมาย 48,129 คน และอยู่แบบผิดกฎหมายสูงถึง 147,440 คนคิดเป็น 75% ของคนไทยในเกาหลี
ทั้งนี้ “แรงงานผิดกฎหมาย” หรือ “ผีน้อย” ทำให้เกาหลีเข้มงวดกับทุกประเทศ โดยหลัก ตม.เกาหลี จะเข้มงวดกับประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช้แค่ประเทศไทยอย่างเดียว ซึ่งคนจีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ต่างได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ดร.ไพบูลย์ เปิดข้อมูลที่น่ากังวลว่า ประเทศไทยมีจำนวนผีน้อยเพิ่มขึ้นมากในรอบ 10 ปี ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อัตราการขยายตัวรุนแรงมากกว่าประเทศอื่น ทำให้กลายเป็นประเทศที่ถูกจับตา
นอกจากนี้ สถิติจากกระทรวงยุติธรรมของเกาหลี “อัตราการก่ออาชญากรรมของต่างชาติในเกาหลี” พบว่า อันดับ 1 คนจีน อันดัล 2 คนเวียดนาม และคนไทยติดอยู่ที่อันดับ 3 แถมเป็นคดีอาญาใหญ่อย่างทำร้ายร่างกายและยาเสพติด
ปมดรามา "แบนเที่ยวเกาหลี" เป็นเพียงบริบทหนึ่งของปัญหา "ผีน้อย" ที่เชื่อว่าคงไม่ยุติลงได้โดยง่าย การแก้ไขปัญหาต้องร่วมกันทั้งไทย เกาหลีใต้ และแรงงานผิดกฎหมาย เพื่อปัญหาเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบกับ "นักท่องเที่ยวไทย" ที่ต้องการเดินทางไปอย่างถูกต้องอีกต่อไป