นักวาดชื่อดัง แจงอีกรอบ ปมล่วงเกินหญิง อ้างได้รับอนุญาต เจอสวนกลับ "ไม่จริง"

จากกรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ถูกนักวาดภาพชื่อดังคุกคามทางเพศ ด้วยการเข้ามาอุ้มโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมา "ตั้ม วิศุทธิ์ พรนิมิตร" เจ้าของผลงาน "น้องมะม่วง" ได้ออกมาโพสต์ยอมรับพฤติกรรมล่วงเกิน และละเมิดผู้เสียหาย โดยบอกว่ารู้สึกผิด รวมถึงได้รับบทเรียนแล้วนั้น

ล่าสุด "ตั้ม วิศุทธิ์" ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงอีกครั้งว่า จากโพสต์ที่แล้วของผม ที่ผมโพสต์ด้วยความร้อนใจและไม่สบายใจ จึงอาจจะทำให้การสื่อสารไม่ชัดเจน ผมจึงอยากอธิบายเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น และแสดงความจริงใจในความรู้สึกผิดและขอโทษต่อคุณเฟิสบนพื้นที่สาธารณะ โดยมิได้มีเจตนาแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นครับ

เมื่อผมได้เห็นโพสต์และได้อ่านเหตุการณ์ดังกล่าวของคุณเฟิสจากความทรงจำของผม ผมทราบทันทีว่านั่นคือตัวผม แต่สิ่งที่ผมไม่ทราบมาตลอดก็คือ ความทรงจำของคุณเฟิส ในเหตุการณ์วันนั้นมันได้สร้างบาดแผลในใจของคุณเฟิสขึ้น  และด้วยความตกใจ และรู้สึกผิดอย่างที่สุดในวินาทีที่ผมรับทราบ ผมจึงได้พยายามติดต่อเพื่อขอขมาคุณเฟิสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ และด้วยความร้อนใจถึงแม้จะไม่มีการกล่าวถึงชื่อผม แต่เมื่อตัวผมรับทราบแล้วและต้องการจะแสดงความรับผิดชอบอะไรสักอย่าง จึงเป็นที่มาของโพสต์ที่แล้วที่ผมได้โพสต์ออกไป 

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว คุณเฟิสและผมได้มีโอกาสร่วมงานกันเป็นการถ่ายรูปเพื่อใช้ประกอบบทสัมภาษณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยทีมงานรวมอยู่ด้วย แต่ในระหว่างที่มีถ่ายภาพกลางแจ้ง อยู่บริเวณไฟแดงริมถนน ที่เป็นจุดที่เกิดเหตุ ตัวผมได้พูดตามที่คุณเฟิสโพสต์และขออนุญาตยกตัวอุ้มขึ้นจากพื้น โดยไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้นก็ทำงานกันต่อไปโดยที่ผมไม่ได้รับทราบถึงความขุ่นข้องใจของคุณเฟิสที่มีต่อผมเลยจนกระทั่งวันนี้

ผมต้องขอโทษคุณเฟิสมากๆ ครับ ผมได้นึกย้อนเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วและรู้สึกสำนึกผิดในเวลานั้นคุณเฟิสคงพยายามเก็บความรู้สึกและคงลำบากใจที่จะปฏิเสธเพื่อรักษาสถานการณ์ด้วยความเป็นมืออาชีพในการทำงาน แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมเป็นต้นเหตุในการสร้างความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าผมจะกระทำด้วยเจตนาใด ก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการปัดความผิดไปได้

มูลค่าความรู้สึกทางจิตใจของคนคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ตีราคามิได้ ผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้ ขอขมาคุณเฟิสและครอบครัวคุณเฟิสจากใจจริงอีกครั้ง ขอโทษทุกท่านที่ผมได้กระทำล่วงเกิน ทั้งทางกาย วาจา  ผมไม่อาจย้อนวันเวลาลงไปได้แต่ผมจะใช้เหตุการณ์นี้เพื่อเป็นข้อคิดในชีวิตหลังจากนี้ แล้วจะระมัดระวังตัวเองมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

หลังจาก "ตั้ม วิศุทธิ์" ออกมาชี้แจงละเอียดยิบ ฝั่งผู้เสียหายได้ออกมาโพสต์ตอบกลับทันทีว่า

เฟิสขอชี้แจงว่า ไม่ได้รับการขอ ไม่มีคำว่าขอเกิดขึ้นและเฟิสไม่ได้อนุญาตค่ะ ขอแจ้งเพิ่มเติมอีกครั้งว่า

• 1.ไม่มีทีมงานไปด้วย วันนั้นเฟิสไปถ่ายพี่เขาและแฟนคนเดียว นักเขียนสามารถเป็นพยานได้ เพราะนักเขียนกักตัวโควิดช่วงนั้นเป็นโควิดค่ะ
• 2.ไม่ใช่แยกไฟแดงค่ะ ไม่ได้อุ้มเพื่อหลบรถแบบที่หลายคนเข้าใจนะคะ มันคือการเดินอยู่ริมถนนราชดำเนิน 

เป็นการพูดคุยถามว่าเรียนจบอะไรมา บลาๆ แบบปกติที่เราพูดคุยกับคนทั่วไป และ "น้ำหนักเท่าไหร่ ตัวเล็ก น่าอุ้มจัง" ไม่มีการจะช่วยเซฟชีวิตอะไรทั้งนั้นค่ะ

เฟิสมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ข้อมูลในสเตตัสของคุณตั้ม-วิศุทธิ์ พรนิมิตร ไม่เป็นความจริง แชตของวันนั้น เป็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุการณ์ ที่เฟิสคุยนัดหมายกับน้องนักเขียนที่สัมภาษณ์คุณตั้มไปก่อนแล้ว

ยืนยันข้อเท็จจริงว่า วันนั้นเฟิสไปคนเดียว ไม่มีทีมงานคนอื่น จุดเกิดเหตุไม่ใช่ตรงไฟแดง เพราะเฟิสมีภาพถ่ายของคุณตั้มในวันนั้นเป็นเครื่องยืนยัน และแน่นอนว่า "ไม่มีการขออนุญาต" ตามที่คุณตั้มแจ้ง รวมถึงไม่มีคำอนุญาตจากเฟิสแน่ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟิส #ไม่ใช่การถูกช่วยชีวิตโดยคุณตั้ม

ส่วนข้อความที่ว่า "ขออนุญาตยกตัวอุ้มขึ้นจากพื้นโดยไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินแต่อย่างใด" หากนี่ไม่ใช่ "เจตนา" เฟิสคงไม่ได้รับข้อความส่วนตัวจากคุณตั้มหลังจากเหตุการณ์นั้นอีก