6 มิถุนายน 2566 จากกรณีมีประเด็นร้อนในวงการแพทย์ เมื่อนักแสดงสาว ปุยเมฆ นภสร หรือ พญ.นภสร วีระยุทธวิไล ยื่นใบลาออก โดยอ้างว่าส่วนหนึ่งมาจากระบบของโรงพยาบาลรัฐที่มีคนไข้จำนวนมาก และหมอไม่ได้พักผ่อน รวมถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้พรมมาเป็นเวลานาน
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการแพทย์ ระบุว่า แพทย์ฝึกหัดต้องทำงาน 80-100 ชั่วโมง/สัปดาห์ อยู่เวรในโรงพยาบาลติดกัน 1-3 วัน ประกอบกับระบบราชการทำให้แพทย์รุ่นใหม่กว่า 50% ตัดสินใจยื่นใบลาออก ไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน
อีกทั้ง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกมายอมรับว่า ปัญหาแพทย์ไม่เพียงพอเกิดขึ้นจริง พร้อมเร่งแก้ไขปัญหา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด วันนี้ (6 มิถุนายน 2566) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในวงการแพทย์รายหนึ่ง ซึ่งเป็นนายแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว ซึ่งถ้าไปถามแพทย์ระดับผู้บริหารโรงพยาบาลต่างๆ ก็จะได้รับอีกคำตอบแบบกลางๆ เพราะจะมีผลกระทบกับตำแหน่งหน้าที่
แต่ถ้าไปถามแพทย์ระดับปฏิบัติงาน จะรู้ว่าปัญหาเหล่านี้มีอยู่จริง และมีมานานแล้วด้วย เรื่องค่าตอบแทนหรือเงินเดือนน้อย เป็นเพียงปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาอื่นเข้ามาสมทบอีกมากมาย เช่น แพทย์ใหม่ที่เข้ามาทำงานช่วง 1-2 ปีแรก จะต้องอยู่เวรติดต่อกันหลายวันมาก ซึ่งเขาจะต้องรับความกดดันทั้งจากการทำงานหนัก และจากการต้องแบกรับภาระดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก ไม่รู้จะไปปรึกษาใครได้
เมื่อความกดดันเหล่านี้สั่งสมนานวันเข้า ก็ทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนต้องตัดสินใจลาออกในที่สุด ซึ่งปัญหาลักษณะนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นในโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ประจำจังหวัดนัก เพราะโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ จะมีระบบแพทย์พี่เลี้ยง คอยให้คำปรึกษาและแนะนำแพทย์รุ่นน้องอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวจะมีกับโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็ก ประจำอำเภอรอบนอก ซึ่งมีช่องว่างระหว่างแพทย์อาวุโส กับแพทย์ใหม่อยู่มาก เพราะแพทย์รุ่นกลางๆ และรุ่นใหม่ มีการลาออกต่อเนื่อง และแพทย์ที่เพิ่งจบใหม่ ก็ต้องไปทำงานแทนตำแหน่งแพทย์ที่ลาออกทุกปี ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่มีเฉพาะกับแพทย์เท่านั้น แต่เป็นปัญหากับทุกแผนก เพราะโรงพยาบาลจะเป็นที่ทำงานของสหวิชาชีพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล เจ้าหน้าที่ห้องแลบ และเภสัชกร เป็นต้น
ปัญหาต่างๆมีความเกี่ยวโยงกันหมด ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะการเพิ่มเงินให้กับแพทย์อย่างเดียว ก็จะทำให้แผนกอื่นมองว่า แล้วพวกตนไม่มีชีวิตจิตใจหรือ ก็จะเกิดการลุกฮือมาเรียกร้องจากแผนกอื่นๆ ตามมาอีก ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ ต้องแก้ทั้งระบบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณมหาศาลและคงจะแก้ไขไม่ได้ในปีเดียวแน่นอน