กรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ และประธานชมรมแพทย์ชนบท เข้ายื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องความไม่มีธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุข ในการโยกย้ายตนเองไปยังโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
โดยมีข้อพิรุธชัดเจนในการโยกย้าย คือ 1.มีการย้ายผู้ตรวจราชการที่เพิ่งถูกแต่งตั้งมาเพียงเดือนเดียว โดยผู้ตรวจราชการเขต 12 ท่านเดิม ไม่ยอมลงนามในคำสั่งย้าย ได้ถูกย้ายออก หลังจากผู้ตรวจการคนใหม่มาทำหน้าที่แทนก็ลงนามสั่งย้ายตนทันที
ข้อพิรุธที่ 2 ปกติการย้ายราชการในระดับ ผอ.โรงพยาบาลชุมชน ที่เป็นนักวิชาการเชี่ยวชาญ ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ครั้งนี้ปลัดกระทรวงฯ ไม่ยอมลงนามเอง แต่ได้ทำหนังสือระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ในการย้าย ลงวันที่ 23 ม.ค. 66 ซึ่งให้อำนาจผู้ตรวจราชการในการย้าย ผอ.โรงพยาบาลชุมได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 ผู้ตรวจฯกระทรวง ได้ลงนามสั่งย้ายเลยจึงถือว่าการโยกย้ายครั้งนี้มีความไม่เป็นธรรม
ขณะที่ บุคลากรโรงพยาบาลจะนะ ได้ออกมาร่วมถือแผ่นป้ายข้อความ ให้กำลังใจ นพ.สุภัทร พร้อมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการคัดค้านคำสั่งย้าย พร้อมกับร่วมกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยมีข้อความว่า “โรงพยาบาลจะนะ วันนี้ 3 กุมภาพันธ์ 2566 วันที่คำสั่งย้ายระบุว่าต้องมีผลวันนี้ เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนกับคำสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะที่ไม่เป็นธรรม งานหนักไม่ว่า แต่การกลั่นแกล้งรังแกข้าราชการประจำโดยคนมีอำนาจบาตรใหญ่นั้น ข้าราชการตัวเล็กๆก็ต้องรวมพลังแสดงออก เชิญชวนทุกโรงพยาบาลออกมาปกป้องความเป็นธรรมโดยพร้อมเพรียง อย่าให้โรงพยาบาลจะนะสู้อย่างโดดเดี่ยว” นั้น
ล่าสุด วันนี้ (4 ก.พ.66) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ได้โพสความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังได้รับคำสั่งย้าย ว่า ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณอาจารย์วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ อาจารย์แพทย์ผู้ใหญ่ที่สังคมและตัวผมเองเคารพยิ่ง ที่อาสาเป็นคนกลางในการหารือทางออกร่วมกันระหว่างผมและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข
รวมทั้งได้เสนอทางออกที่ให้ผมทำงานให้หนักขึ้นคือ เป็นผู้อำนวยการควบทั้งที่ รพ.จะนะและรพ.สะบ้าย้อย ข้อเสนอและความตั้งใจของอาจารย์วีระศักดิ์นั้น ผมยินดีทำตามที่อาจารย์เสนอ งานหนักไม่กลัว กลัวแต่ว่าข้อเสนอของอาจารย์นั้นจะเป็นหมัน ฝ่าย สธ.ไม่ตอบรับครับ
ผมทราบว่า ทางศาลากลางจังหวัดสงขลาได้ส่งหนังสือคำสั่งย้ายตรงถึงโรงพยาบาลจะนะแล้ว แต่ผมได้ลาพักผ่อนมาประกอบภารกิจของครอบครัวที่กรุงเทพในวันที่ 2-3 ก.พ.66 อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 6 ก.พ.66 ผมจึงจะได้เข้าโรงพยาบาลครับ ไปทำงานและดำเนินการเรื่องคำสั่งโยกย้ายต่อไป
โดยขั้นตอนทางราชการ เมื่อคำสั่งมาถึง ผมก็ต้องลงนามรับทราบคำสั่ง และมีเวลาไม่เกิน 15 วันในการดำเนินการทุกอย่างและเดินทางไปรับราชการในที่ใหม่ เวลา 15 วันนั้นไม่ใช่เวลาสำหรับการเก็บของและเดินทางนะครับ เดี๋ยวนี้ถนนดีรถดีแล้ว แต่เวลา 15 วันนั้น คือเวลาที่สำคัญสำหรับการส่งมอบงาน
ซึ่งโดยหลักปฏิบัติทุกฝ่ายต้องสรุปงานที่ดำเนินการอยู่ว่าคั่งค้างถึงไหน ต้องเขียนสรุปงานเป็นเอกสารและนัดอธิบายส่งมอบให้กับผู้อำนวยการคนใหม่ เพื่อที่จะได้สานงานต่อได้อย่างไร้รอยต่อ ส่วนงานที่ว่าด้วยการพัสดุ การเงิน การบริหารบุคคล การจัดซื้อจัดจ้าง งานที่มีกฎหมายกฎระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้อง งานบริหารเหล่านี้ที่ยังคั่งค้างยิ่งต้องมีการจัดทำเอกสารที่รัดกุมแล้วจึงส่งมอบ เพราะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับการรับผิดทางกฎหมายด้วย นี่คือภารกิจในช่วงเวลาที่ระเบียบกำหนดให้ว่าต้องเดินทางภายใน 15 วัน
ส่วนเมื่อรับคำสั่งแล้วย้ายแล้ว ผมก็จะส่งคำอุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมของสำนักงาน กพ.ตามขั้นตอน ซึ่งกำหนดเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ใน 30 วันหลังรับทราบคำสั่ง แล้วก็ปรึกษาทีมกฎหมายของชมรมแพทย์ชนบทในการขอความเป็นธรรมจากศาลปกครอง ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตตามมาตรา 157 หรืออาจจะรวมถึงฟ้องต่อ ปปช.ต่อไป
ผมเป็นข้าราชการระดับอำเภอ เพียงแต่ผมมีอีกหมวกคือประธานชมรมแพทย์ชนบท การต่อสู้ของผมและผู้คนมากมายในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวผมเอง แต่ชัดเจนว่า เพื่อฟื้นฟูระบบธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุขที่ถึงจุดต่ำมาก ไม่ให้ตกต่ำไปกว่านี้อีก และให้การถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ที่เห็นชัดเจนกรณีของผมกลายเป็นโฟกัสของความร่วมมือร่วมใจของผู้คนทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข คนละไม้คนละมือที่จะออกมาปกป้องและปลดปล่อยกระทรวงสาธารณสุข จากการครอบงำวางคนเพื่อยึดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสมบัติและฐานระยะยาว
ขอเรียนตรง ๆ วันนี้การบริหารจัดการภายในของกระทรวงสาธารณสุขนั้นวิกฤตมาก ๆ ครับ คนใน สธ.รู้ดีแต่พูดไม่ได้ เพราะจะโดนย้าย บ้านของเราอย่าให้คนที่มาเช่าอยู่อาศัยมายึดและทำลายนะครับ
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ