
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 จนกระทั่งส่งผลกระทบทำให้ "อาคาร สตง." ที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมา จนมีการค้นหาร่างและแรงงานที่รอดชีวิตกันอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้โลกโซเชียลต่างแชร์ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวรวมถึงอีกหนึ่งข้อมูลที่มีการแชร์กันมากนั้นก็คือ ภาคอีสานไม่iอยเลื่อนที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว
2 เมษายน 2568 ล่าสุด ผศ.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Chainarong Setthachua" ระบุว่า
ผศ.ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เอกสารการตรวจสอบรอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย โดย อาจารย์อดิศร ฟุ้งขจร ระบุว่า ในภาคอีสานมีรอยเลื่อนมีพลัง 12 รอยเลื่อน ที่กระจายตัวในภูมิภาค
ผมนำข้อมูลเฉพาะรอยเลื่อนที่ยาวเกิน 50 กม. และเกิน 100 กม. จำนวน 6 รอยเลื่อน มาให้เรียนรู้กันครับ เพราะรอยเลื่อนมีพลังยิ่งยาวก็ยิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาดสูงกว่ารอยเลื่อนมีพลังที่สั้น
รอยเลื่อนที่ยาวเกิน 100 กม. ที่เราต้องให้ความสำคัญมี 2 รอยเลื่อน คือ
1.รอยเลื่อนโคราช พาดผ่านอำเภอครบุรี อำเภอโชคชัย อำเภอเมือง อำเภอขามทะเลสอ อำเภอสูงเนิน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี อำเภอศรีเทพ และอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 193 กิโลเมตร
2.รอยเลื่อนท่าอุเทน พาดผ่านตามแนวพรมแดนไทย-ลาว ด้านอำเภอเมือง อำเภอท่าอุเทน อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม อำเภอบึงโขงหลง และอำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย ในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 136 กิโลเมตร
ส่วนรอยเลื่อนที่มีความยาวเกิน 50 กม. แต่ไม่ถึง 100 กม. ได้แก่
1.รอยเลื่อนภูเขียว พาดผ่านอำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอภักดีชุมพรและอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ประกอบด้วยรอยเลื่อนบริวารในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ กับแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้สลับกัน มีความยาวประมาณ 72 กิโลเมตร
2.รอยเลื่อนภูเรือ พาดผ่านอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ในแนวทิศเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ 60 กิโลเมตร
3.รอยเลื่อนหนองบัวแดง พาดผ่านอำเภอบ้านเขว้า อำเภอเมือง และอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 56 กิโลเมตร
4.รอยเลื่อนสตึก พาดผ่านอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอชุมพลบุรและอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ 55 กิโลเมตร
รอยเลื่อนสตึกมีการเคลื่อนตัวเมื่อปีที่แล้วนี่เอง มีขนาด 2.9 และ 3 (ดูภาพ 2)
รอยเลื่อนอื่นๆ ดูจากลิงก์ในคอมเมนท์ครับ
สำหรับแผนที่นี้ เป็นแผนที่แสดงความรุนแรงของแผ่นดินไหว (intensity) ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตตามมาตราเมอร์คัลลิ ที่แสดงให้เห็นว่าในอนาคตพื้นที่ส่วนใหญ่ในอีสานมีความรุนแรงของแผ่นดินไหว อยู่อันดับ III ตามมาตราเมอร์คัลลิ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึก แต่เครื่องมืออาจตรวจจับได้
มีบางพื้นที่ เช่น ยางส่วนขอวนครพนม บึงกาฬ หนองคาย และชัยภูมิ ที่มีความรุนแรงอยู่อันดับ IV และ V ตามมาตราเมอร์คัลลิ คือ คนส่วนใหญ่รับรู้ได้ อาคารสั่นไหว สิ่งของขยับ
ที่สำคัญ บางส่วนของนครพนม และบึงกาฬ อาจเกิดความรุนแรงอันดับ IV ตามมาตราเมอร์คัลลิ คือ สิ่งก่อสร้างไม่แข็งแรงพัง ของหนักเคลื่อนจากที่เดิม
แผนที่นี้ จึงไม่เกี่ยวกับอีสานไม่มีรอยเลื่อน และจะกล่าว่าในภาคอีสานไม่มีรอยเลื่อน หรือไม่เกิดแผ่นดินไหว ไม่ได้ เพียงแต่บอกว่าภาคอีสานมีความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่คาดว่าจะเกิดในอนาคตอยู่ในอันดับต่ำตามมาตราเมอร์คัลลิ
ดังนั้น เมื่อมีข้อมูลนี้ การออกแบบและก่อสร้างอาคารสาธารณะ อุโมงค์ อาคารเกิน 5 ชั้น ในบริเวณ V และ VI ตามมาตราเมอร์คัลลิ ก็ควรออกแบบและก่อสร้างให้รองรับแผ่นดินไหวด้วย และต้องระวังกิจกรรมของมนุษย์ที่จะไปกระตุ้น (triggering) ให้เกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะการสร้างอ่างเก็บน้ำ และการระเบิดแผ่นดินเพื่อทำเหมือง เช่น เหมืองโปแตชที่ด่านขุดทดซึ่งอยู่ในกลุ่มรอยเลื่อนโคราช
นอกจากรอยเลื่อนเหล่านี้แล้ว รอยเลื่อนในประเทศเพื่อนบ้านก็สำคัญมาก และส่งผลต่อความรุนแรงของแผ่นดินไหวในภาคอีสานได้ โดยเฉพาะรอยเลื่อนแม่น้ำแดง วันหน้าจะเอาข้อมูลชุดนี้มาให้เรียนรู้กันครับ
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก "Chainarong Setthachua"