
5 มีนาคม 2568 ช่วงเช้า ทีมข่าวเนชั่นทีวี ลงพื้นที่ไปดูหุ่น "ออพติมัส พราหมณ์" ที่ตั้งตระหง่านอยู่ที่วงเวียนตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง ตัดถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ภายหลังกลายเป็นแลนมาร์คสำคัญแห่งใหม่ของบรรดาชาวสายมู ที่ต่างมากราบไหว้บูชา เพราะสามารถประทานพรให้คำขอต่าง ๆ เป็นจริงได้
ต่อมาทีมข่าวเนชั่นทีวี ได้เจอกับ “เฮียเซ้ง” จูเนียร์แห่งตลาดน้อยวัย 68 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของหุ่น “ออพติมัส พราหมณ์” ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า เมื่อปีที่แล้วทาง อดีต ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ ได้มาขอให้ตนเองสร้างหุ่นรถยนต์ ที่เป็นสัญลักษณ์เชียงกงให้หน่อย ตนจึงตกลงสร้างขึ้นมาทั้งหมด 2 ตัว ตัวแรกคือ “ออพติมัส พราหมณ์” ตัวที่สองคือ “บับเบิ้ลบี” ตัวแรกตั้งอยู่ที่วงเวียนข้าวหลาม ตัวที่สองอยู่ที่ด้านหน้าเขตสัมพันธวงศ์ ปัจจุบันกำลังสร้างตัวที่สามคือ “เมกะทรอน” ซึ่งตัวนี้ตนเองจะไปตั้งที่วัดเกาะ ทั้ง 3 ตัว เป็นตัวละครเอกจากภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง “ทรานส์ฟอร์เมอร์”
สำหรับหุ่น "ออพติมัส พราหมณ์" ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ "เฮียเซ้ง" บอกว่า จริง ๆ แล้ว "เฮียตี๋" เพื่อนสนิทของตนเป็นคนสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ประมาณ 300 ชิ้นที่ประสบอุบัติเหตุแล้วมีคนเสียชีวิต มีน้ำหนักรวมประมาณ 1 ตัน สูง 4 เมตร ใช้เวลาสร้างประมาณ 1 ถึง 2 เดือน ตอนนี้ขอตีมูลค่าหุ่น "พ่อปู่ออพติมัสฯ" ที่ 150,000 บาท
ส่วนประเด็นดราม่าว่าไหว้หุ่นยนต์ทำไม "เฮียเซ้ง" บอกว่า ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ส่วนตัวไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะมีคนจนแถวนี้เขามาไหว้ขอเลขเด็ดไปแล้วถูกหวยจริง ได้ไปหลายแสน ส่วนตัวเองเป็นเจ้าของหุ่น รวยแล้วไม่จำเป็นต้องขอเลข มันเป็น "เจ้าพ่อออพติมัส" ส่วนกูเป็นปู่มัน รู้สึกดีใจที่มีคนสนใจ อยากให้มาเที่ยวกันเยอะ ๆ
ส่วนประเด็นดราม่าเรื่องที่โดนเรียกค่าติดไฟหุ่นออพติมัสจากเจ้าหน้าที่เขต 350,000 บาท "เฮียเซ้ง" บอกว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีการตกลงกันตั้งแต่แรก โดยทาง ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ คนใหม่เขามาเดินตรวจงานตอนกลางคืน แล้วเห็นว่าหุ่นมันมืดมาก จึงไม่พอใจเรื่องไฟน้อย จากนั้น จนท.เขต ได้มีการติดต่อไปที่ "เฮียตี๋" ที่เป็นคนสร้างหุ่น บอกว่าเขตขอเรียกราคาติดไฟหุ่น 350,000 บาท โดยให้เหตุผลว่า "หุ่นไม่ได้เป็นของเขต ไม่มีงบทำให้" ทั้งที่ตนเองยกหุ่นให้สำนักงานเขตดูแลนานแล้ว ยืนยันว่าหุ่นเป็นของเขต ไม่ใช่ของตนเองแล้ว เพราะ ผอ.เขตคนเก่าเขาบอกว่า “เฮียเอาหุ่นมาตั้งในที่หลวงก็จริง แต่เฮียไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ให้สิทธิ์ดูแลได้”
ขณะที่ คุณนัท ผู้จัดการร้านกาแฟ ที่พึ่งมาเปิดอยู่ข้างหุ่น "ออพติมัส" ได้ไม่นาน เปิดใจกับทีมข่าวหลังยอดขายกาแฟทะลุเป้า ว่า จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจบนขอแต่ช่วงนั้นที่ร้านลูกค้าเงียบมาก แทบไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย ลูกน้องในร้านจึงพูดกันเล่น ๆ ว่า “ต้องพึ่งพลังหุ่นยนต์พ่อปู่ออพติมัสแล้ว” ตนจึงขอไปว่า “ถ้าขายแกแฟได้ยอด 5 หมื่นจะไปวิ่งรอบพ่อปู่ 50 รอบ” จากนั้นปรากฏว่ามีลูกค้าเข้ามาเยอะมาก ทั้งที่ทางร้านไม่ได้จัดโปรโมชั่นอะไรเลย จนในที่สุดขายได้ถึงยอด 5 หมื่นจริง พอปิดร้านเสร็จจึงรีบไปวิ่งแก้บนรอบพ่อปู่ออพติมัส 50 รอบตามที่พูดไว้
นอกจากนี้ คุณนัท ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวรู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่คิดว่าบังเอิญมากกว่า แต่เพื่อความสบายใจ เราพูดไปแล้วก็ต้องทำ ทราบว่าวันต่อมาแม่ครัวที่ร้านได้บนขอพ่อปู่ออพติมัสอีกรอบ โดยรอบนี้ขอท่านไปว่า “ถ้าขายได้ 6 หมื่น จะไปวิ่งรอบพ่อปู่ 60 รอบ” ปรากฏว่าขายได้ตามที่ขอ 2 ครั้งติด แต่ยังไม่ได้ไปวิ่งแก้บน จนตอนนี้ยอดขายเริ่มลดลง ส่วน "พ่อปู่ออพติมัส" จะศักดิ์สิทธิ์จริงไหม อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ต่อมาทีมข่าวได้เจอกับ คุณปะตัญญู ศิริวิสูตร อายุ 52 ปี หนุ่มตกงานที่กำลังจะเดินทางไปสัมภาษณ์งานใหม่ โดยนำน้ำมันเครื่องมาขอพรกับหุ่นออพติมัส โดยเขาบอกว่า กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ซึ่งเป็นงานเกี่ยวกับยานยนต์ เลยนึกถึงท่านเทพออพติมัส เห็นในโซเชียลเขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ จึงอยากลองขอบ้าง ช่วงนี้ตกงานไม่รู้จะไปพึ่งเทพองค์ไหน "เทพออพติมัส" น่าจะช่วยได้ วันนี้เอาน้ำมันเครื่องมาถวายให้ท่านก่อน ถ้าได้ตามที่ขอจะมาพ่นเคลือบสีให้ท่านใหม่ ตอนนี้ท่านเริ่มดูหมอง ๆ
ส่วนประเด็นดราม่าไหว้หุ่นยนต์ ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเมืองไทย คนไทยเราอยู่คู่กับความเชื่อแบบนี้มานานแล้ว มันถูกปลูกฝังมานาน เห็นอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์เราก็ไหว้หมด ใครไม่เชื่อก็ปล่อยเขาไป ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา ไม่เดือดร้อนใครก็ทำไป