สำหรับ"ก้าวไกล" 13 ก.ค. ผลการเลือกนายกฯช่วยสร้างความชัดเจนต่อก้าวไกลว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง
"ก้าวไกล"ต้องยอมรับว่าวุฒิสมาชิกชุดนี้ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวิธีแก้ปัญหาอีกต่อไป สถาบันนี้ได้พิสูจน์ตนเองว่าพวกเขาอยู่กับความคิดเก่า และเขาจะสลายไปอีก 303 วันเมื่อหมดวาระ 11 พ.ค. 2567
**ก้าวไกลควรทำสิ่งเหล่านี้**
ขอบคุณผู้สนับสนุน รักษาความสงบและความสามัคคีเพื่อภาพลักษณ์ที่ถูกต้อง ทั้งบนท้องถนนและออนไลน์ มีวินัย ไม่โจมตีหรือใช้อารมณ์ตอบโต้ที่จะเกิดภาพลักษณ์ในทางลบ
ระดมเสียงสนับสนุนจากประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้ ระดมทุนบริจาคออนไลน์
วางยุทธศาสตร์ระดมเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมมาจากส่วนอื่น เช่นคนรุ่นใหม่ที่เลือกพรรคอื่นในครั้งที่แล้ว และผู้ที่ไม่ได้ไปลงคะแนนเสียงในครั้งที่แล้ว บวกกับการสื่อสารเชิญชวนเยาวชน ที่มีอายุใกล้จะมีสิทธิ์เลือกตั้ง
"ก้าวไกล"ต้องปรึกษากับพรรคร่วมอีกทั้งเจ็ดโดยมารยาท และปรึกษาเชิงลึกกับพรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนที่ก้าวไกลพร้อมจะเดินหน้าต่อไป ตามนโยบายและปฏิภาณที่สัญญาไว้กับประชาชน ให้เพื่อไทยมีโอกาสตัดสินใจว่าจะทำงานร่วมกันเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านหรือไม่
"ก้าวไกล"พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านและจะเป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ และจะได้เปรียบทางการเมืองไม่แพ้กับการที่เป็นรัฐบาล
"ก้าวไกล"ไม่ควรเปลี่ยนทิศทางสวนปฏิญาณที่สัญญาไว้กับประชาชน
**เพื่อไทยจะทำอะไรต่อไป**
เพื่อไทยมีโอกาสที่จะเลือกแสดงจุดยืนชัดเจนว่า จะร่วมกับก้าวไกลจนได้คำตอบว่าเป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน
ถ้าเลือกทางนี้หมายถึง "เพื่อไทยยืนยันว่าช่องว่างระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลนั้น น้อยกว่าช่องว่างระหว่างเพื่อไทยกับเผด็จการ"
เพื่อไทยมีสองฐาน และต้องเลือกว่าจะไปในอนาคตกับฐานใด
ฐานแรก คือ ส.ส.กลุ่มอีสานและจังหวัดอื่นๆ ที่มีฐานจากประชาชน ที่ไม่เอาเผด็จการแต่เป็นอนุรักษ์นิยม-ประชานิยม
ฐานที่สอง คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต่อต้านเผด็จการแต่เป็นเสรีนิยม-อนุรักษ์นิยม และพร้อมปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อแข่งขันกับก้าวไกล(อาจจัดได้ว่าเป็นอนุรักษ์นิยมแบบใหม่)
สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการเก็บสองฐานไว้รวมกันนั้นจะทำให้เพื่อไทยกลายเป็นพรรคที่ไม่มีความชัดเจน
“กรกฎาคมเป็นเดือนแห่งคุณทักษิณ”
ปัญหาใหญ่อันดับหนึ่งของเพื่อไทยคือความเป็นเอกภาพของผู้นำที่ไม่ชัดเจนเพื่อไทยต้องปรับปรุงเรื่องนี้ด่วน
หาก"ทักษิณ"ไม่สามารถจะวางมือทางการเมืองจริง และยังทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง ก็จะกั้นโอกาสของการเติบโตทางการเมืองของ"แพทองธาร"และ"เศรษฐา" ซึ่งเป็นความหวังของคนอนุรักษ์นิยมแบบใหม่
หาก"ทักษิณ"ประกาศก่อนวันที่ 19 กรกฎาคม ที่จะมีการเสนอชื่อนายกฯรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สองในรัฐสภานั้น ว่าวางมือทางการเมืองด้วยความชัดเจน พร้อมปฏิบัติเป็นรูปธรรมว่า แม้ตนห่วงใยบ้านเมืองและหลักการเมืองอย่างสุดชีวิต แต่จำเป็นต้องตัดสินใจเพื่ออนาคตของประเทศชาติและต้องการนำมาสู่ความสามัคคีฯลฯ
การตัดสินใจวางมือทางการเมืองของ"ทักษิณ" จะเปิดไฟเขียวให้ผู้นำรุ่นใหม่ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และทิศทางที่ชัดเจนของเพื่อไทย 2.0 และมีหนทางที่จะเป็นผู้นำอนุรักษ์นิยมแบบใหม่ ซึ่งเป็นขั้วการเมืองที่จะเข้ามาถ่วงดุลและแข่งขันกับเสรีนิยมที่กำลังรับความนิยมสูงขึ้นคือก้าวไกล
แต่หาก"ทักษิณ"ไม่แสดงท่าทีเพราะไม่กล้าตัดสินใจหรือมีแผนการอื่น อนาคตของ"เพื่อไทย"จะเข้าสู่ช่วงอันตราย และการกลับภูมิลำเนาจะไม่ราบรื่น
**เพื่อไทยเป็นผู้นำรัฐบาล? **
หาก"เพื่อไทย"แสดงท่าทีว่าจะเป็นผู้นำก่อตั้งรัฐบาล จะต้องหาพันธมิตรเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก จึงเสี่ยงกับการที่"ก้าวไกล"ถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้าน และทำให้เพื่อไทยจำต้องถลำลึกไปร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมเดิม และได้เสียงของวุฒิสมาชิกรวมกันเกินกว่า 376 เสียง ตั้งรัฐบาลอายุสั้น เนื่องจากการตรวจสอบของฝ่ายค้าน ซึ่งนับวันจะมีเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้น
เสียงสนับสนุนต่อ"ก้าวไกล"จะได้มาจากประสิทธิภาพในการสื่อสารกับประชาชน ทั้งการออกไปพบปะในชุมชนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น และที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการใช้โซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีการติดตามผลโดยละเอียดนั้น ยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่ลงทุนด้านนี้หรือแสดงความสามารถว่าจะแข่งขันได้
การเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในหนึ่งปีหรือสองปี จะออกมาที่ก้าวไกลได้คะแนนเสียงกว่าครึ่ง 250 ที่นั่งขึ้นไป และครั้งนั้นจะไม่มีอุปสรรคโดยวุฒิสภาอีกต่อไป