svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

"ยุทธนาวีบักดั่ง วีรกรรมแห่งชาตินักรบ" ปลดแอกจีน เผชิญมองโกล โดย"นพ.พลเดช"

18 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พลเดช ปิ่นประทีป" พาย้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานการสู้รบชิงบ้านชิงเมืองดินแดนเวียดนาม "ยุทธนาวีบักดั่ง" เป็นสงครามทางเรือ ระหว่างกองทัพมองโกลและไดเวียด(เวียดนาม) เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์โลกที่จารึกแสนยานุภาพของกองเรือเล็ก ๆ ของไดเวียด

ปลดแอกจีนเผชิญมองโกล

"ไดเวียด"ถูกจีนปกครองมานับตั้งแต่"สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้" แม้ผู้นำไดเวียดจะพยายามอย่างไร ก็ไม่เคยสามารถประกาศอิสรภาพของตนได้ จนกระทั่งภายหลังที่"ราชวงศ์ถัง"ล่มสลาย ชนชาติเวียตนามทำสงครามใหญ่กับ"ราชวงศ์ฮั่นใต้" โดยมี"นายพลโงเกวียน"เป็นผู้นำ โดยสามารถตีกองทัพจีนแตกพ่ายไปในที่สุด เมื่อปี ค.ศ.938  ราชวงศ์ลี้ขึ้นปกครอง เรียกชื่อตนเป็นอาณาจักรไดเวียต

ต่อมาใ"สมัยราชวงศ์ซ่ง"ผู้นำมองโกลต่อจากเจงกิสข่าน ได้ยกทัพม้ามาบุกประชิดทางชายแดนจีน ตี"อาณาจักรต้าหลี่"ทางตอนใต้ของจีนแล้ว ได้ส่งสาส์นไปยังราชอาณาจักรไดเวียดใน"สมัยราชวงศ์เตริ่น"เพื่อขอใช้เส้นทาง แต่ถูกปฏิเสธ มองโกลจึงยกทัพบุกโจมตีไดเวียด ในปี ค.ศ. 1257 (ราวยุคสุโขทัย) 

กองทัพมองโกลบุกตี"เมืองทังล็อง" (ฮานอย) แตก แต่กลับต้องถอย เนื่องจากชาวเมืองรวมทั้งกษัตริย์ไดเวียดได้อพยพผู้คนออกหมดแล้ว รวมทั้งขนเสบียงไปด้วย เมื่อมองโกลถอยทัพกลับ ทางไดเวียดได้ส่งเครื่องราชบรรณาการแก่มองโกลเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม 

แต่ครั้นมองโกลโค่นราชวงศ์ซ่งและสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นแทนที่ "กุบไลข่าน"กลับทรงมีราชโองการให้วางแผนเพื่อจะยึดเมืองไดเวียดและเลยมาถึง"เมืองจามปา"ทางดินแดนภาคกลางของเวียดนามอีกด้วย มีเหตุการณ์ทูตของมองโกลที่ถูกส่งไปรับเครื่องราชบรรณาการที่จามปาไม่ยอมปฏิบัติตามธรรมเนียม จึงถูกกษัตริย์แคว้นจามปาสั่งประหารทั้งคณะ เป็นเหตุทำให้"กุบไลข่าน"โกรธมากและถือโอกาสประกาศศึกกับเมืองจามปา 

ค.ศ. 1282 "กุบไลข่าน"ส่งแม่ทัพตวาโด นำทัพเรืออ้อมไปตี"อาณาจักรจามปา"ได้สำเร็จ แต่ถูกกองกำลังที่เหลือรอดของจามปาใช้ยุทธวิธีซุ่มโจมตีแบบกองโจร จนต้องถอยร่นมาที่ชายแดนของไดเวียด เมื่อข่าวทราบถึงกุบไลข่าน จึงส่งกองกำลังไปสมทบอีก 5 แสนนายโดยการนำของโตข่าน 

"กษัตริย์เจิ่น เญิน ตุง"ของไดเวียด ได้จัดประชุมขุนนางในราชสำนักไดเวียด เพื่อปรึกษาว่าจะยอมแพ้ให้แก่มองโกลหรือไม่ ผลปรากฏเป็นเสียงเดียวกันว่าไดเวียดจะไม่ยอมมองโกลอีก จึงมอบให้แม่ทัพใหญ่เจิ่น ฮึง เด่า เตรียมพร้อมประกาศสงคราม 

แต่ด้วยกองกำลังที่น้อยกว่า "ไดเวียด"ต้องเสีย"เมืองทังล็อง"อีกเป็นครั้งที่ 2 แต่ทัพมองโกลตีเมืองได้ก็ไม่มีเสบียงเหลืออยู่อีกตามเคย "โตข่าน"จึงสั่งเดินทัพกิน"ดินแดนไดเวียด"เข้าไปอีก แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คาด เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน ทหารมองโกลเริ่มล้มป่วย ยึดเสบียงไม่ได้ ทั้งยังถูกกองกำลังไดเวียตซุ่มโจมตีตลอดเวลา จนต้องถอยทัพกลับอย่างทุลักทุเล ส่วน"ตวาโด"ก็ถูกฆ่าตายในสนามรบขณะที่พยายามตีฝ่าวงล้อมมาสมทบกับทัพของ"โตข่าน"
 

\"ยุทธนาวีบักดั่ง วีรกรรมแห่งชาตินักรบ\" ปลดแอกจีน เผชิญมองโกล โดย\"นพ.พลเดช\"
ยุทธนาวีแม่น้ำบักดั่ง

"ยุทธนาวีบักดั่ง" เป็นสงครามทางเรือ ระหว่าง"กองทัพมองโกล"และ"ไดเวียด"(เวียดนาม) เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์โลกที่จารึกแสนยานุภาพของกองเรือเล็ก ๆ ของ"ไดเวียด" ที่สามารถทำลายกองเรืออันทรงอานุภาพของมองโกลลงได้ 


หลังจากทั้งสองทัพที่ส่งไปตีเมืองจามปาแตกพ่ายเพราะฝ่าย "ไดเวียด " กุบไลข่านจึงมีราชโองการ ให้"แม่ทัพโอมาร์ข่าน" นำทัพ 3 แสน พร้อมเรือรบกองใหญ่กว่า 500 ลำ เข้าบุกไดเวียด โดยตีฝ่าแนวป้องกันของไดเวียดไปชุมนุมกันที่เมืองวันดอน แล้วไปตีเมืองทังล็องอีกครั้ง
คราวนี้มองโกลทำการขนส่งเสบียงผ่านทางเรือ ไม่ให้ประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงอีก แต่ด้วยความชะล่าใจของ"โอมาร์ข่าน" เมื่อกองทัพบกตีเมืองทังลองแล้ว กองเรือที่วันดอนขาดการระแวดระวัง ถูกแม่ทัพไดเวียด เตริ่นแข็นห์ดือ รวบรวมกำลังเข้าจู่โจมกองเรือเสบียงมองโกล เมื่อทราบข่าวร้ายประกอบกับใกล้ฤดูร้อน โอมาร์ข่านจึงตัดสินใจยกทัพกลับ โดยผ่านทางหลั่งเซิน ส่วนกองเรือต้องล่องผ่านแม่น้ำบักดั่งเพื่อออกสู่ทะเล

ฝ่าย"แม่ทัพเจิ่นฮึงเด่า" นำกลยุทธ์สมัยโบราณมาใช้ ทำขอนไม้ติดเหล็กแหลมดักรอที่แม่น้ำบักดั่ง เมื่อเวลาน้ำขึ้นศัตรูมองไม่เห็นขอนไม้ นำลูกทุ่นมาปิดปากอ่าว กองเรือมองโกลต้องติดเหล็กแหลม จนท้องเรือทะลุจมไปหลายลำ กองเรือไดเวียดได้ทีก็เข้าจู่โจมซ้ำ 

"มองโกล"พ่ายแพ้ สูญเสียไพร่พลกว่า 4 หมื่นคน แม่ทัพโอมาร์ข่านและทหารที่เหลือถูกจับเป็นเชลย โตข่านฝ่าออกมาได้ด้วยความเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายไดเวียดก็เสียหายหนักมากเช่นกัน จึงได้ส่งตัวโอมาร์ข่านและเชลยคืน พร้อมทั้งเครื่องราชบรรณาการเพื่อเจรจาประนีประนอม 

เมื่อสิ้น"กุบไลข่าน" จักรพรรดิ์เตมูร์ข่านล้มเลิกแผนการโจมตี ทำให้ต่อมาไดเวียดและมองโกลเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน
 

logoline