"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "รังสิมันต์ โรม" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตามติดผลพวงจากการอภิปรายทั่วไปในสภา จากปมคดีธุรกิจสีเทา ซึ่งมีการพาดพิงไปถึง ส.ว.ทรงเอ จนมีการฟ้องร้องกันไป
"วราวิทย์" คุณโรมเดินทางไปที่ศาล ความต้องการจริงๆคืออะไร
"โรม" คดีนี้มันมีพิรุธหลายอย่าง หนึ่งในพิรุธที่กังขาของสังคมคือ เดิมมีออกหมายจับ "ส.ว.ทรงเอ" ในวันที่ 3 ต.ค.65 ปรากฎว่าการพิจารณาของศาลก่อนจะออกหมายจับ เขาขอดูพยายานหลักฐานเมื่อดูแล้วศาลผู้มีอำนาจอนุมัติหมายจับ แต่ช่วงบ่ายวันเดียวกันมีการเรียกตำรวจที่ออกหมายจับกลับมา แล้วบอกว่าที่ออกไปเมื่อเช้าไม่ออกแล้ว
โดยให้เหตุผลว่า"ส.ว.ทรงเอ" เป็นบุคคลสำคัญให้ถอนออก แล้วก็เขียนในกระดาษว่าเป็นคำแนะนำของอธิบดีที่ให้ทำแบบนี้ ซึ่งศาลบอกให้ออกหมายเรียกภายใน 15 วัน ถ้าไม่มาถึงไปออกหมายจับ ผมก็รอดูตั้งแต่ 3 ต.ค.สุดท้ายก็ไม่มีการออกหมายเรียกหมายจับ จนกระทั่งมีการเปิดสมัยประชุม การจะออกหมายเรียกหมายจับมันทำไม่ได้ "ส.ว.ทรงเอ"คนนี้สบายเลย
แทนที่จะถูกดำเนินการทางกฎหมายก็เลยไม่เกิดขึ้น ดังนั้นช่วงเวลาที่ปิดสมัยประชุมจึงเป็นช่วงเวลาของการดำเนินคดี ผมเลยใช้โอกาสเมื่อวานโดยผมพยายามรวบรวมหลักฐานที่มีเป็นเอกสารที่ยืนยันว่ามีการแทรกแซงกระบวนการภายในศาล แล้วก็นำเสนอต่อ ก.ต. ซึ่ง ก.ต.จะมีอำนาจในการพิจารณาว่าสุดท้ายจะตัดสินใจอย่างไร แล้วสัปดาห์หน้าจะร้องป.ป.ช.ด้วยในเรื่องเดียวกัน ซึ่งสุดท้ายผมทราบว่าป.ป.ช.จะส่งให้ ก.ต.พิจารณาเหมือนกัน
"วราวิทย์" ตกลงตามกฎเกณฑ์การจะออกหมายจับหมายเรียกขึ้นอยู่กับอะไรกันแน่
"โรม" ถ้าเราว่ากันตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นคนรวยคนจน เราบังคับใช้กฎหมายเหมือนกัน ในกรณีนี้อัตราโทษสูง สามารถที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ก็คือการออกหมายจับได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก เพราะเขากลัวจะหลบหนี คนเป็นวุฒิสมาชิกคดีแบบนี้ถ้าเป็นความผิดเรื่องฟอกเงินเรื่องยาเสพติด อัตราโทษจะสูงกว่าคนธรรมดา
แต่ว่ากระบวนการดำเนินการเหมือนกับคนทั่วไป ดังนั้นการที่ศาลจะมาใช้คำแนะนำว่าคนนี้เป็นบุคคลสำคัญไม่สามารถทำได้เลย จุดที่ผมติดใจคือการถอนอันนี้มันคือมาจากคำแนะนำ แต่ถ้าเราใช้คำแบบบ้านๆตรงไปตรงมาเราอาจะต้องเปลี่ยนเป็นคำอื่นที่อาจจะน้ำหนักหรืออิทธิพลบางอย่างที่มากกว่าคำแนะนำที่ทำให้ผู้พิพากษาเปลี่ยนไป จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเอาเรื่องนี้ไปเสนอ ก.ต. ผลที่ออกมาจาก ก.ต.สุดท้ายจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประชาชน
ดังนั้นผมจึงกังขาว่าช่วยกันหรือป่าวเพื่อไม่ให้"ส.ว.ทรงเอ"ถูกดำเนินคดีอะไร ตรงนี้ขีดเส้นใต้ 500 เส้นว่า ณ วันนี้ตำรวจออกหมายเรียกได้แล้วนะ จนถึงตอนนี้ยังไม่ดำเนินการ หมายความว่าอะไร
ทาง 2 แพร่ง"ก้าวไกล" ลดเพดาน เข้าสู่อำนาจ?
"วราวิทย์" ถามเรื่องพรรคก้าวไกล ถึง 2 ทางแพร่ง ผู้บริหารของพรรคชุดปัจจุบันอยากมีอำนาจรัฐ ร่วมรัฐบาล แต่อดีตแกนนำอนาคตมองว่าต้องยึดในอุดมการณ์ ไม่สำคัญว่าจะได้เป็นรัฐบาล
"โรม" ตอบว่า จริงทุกพรรคการเมืองอยากเป็นรัฐบาลเพื่อเอานโยบายที่หาเสียงไปผลักดันมากกว่า เพราะเป็นฝ่ายค้านอาจทำหน้าที่ตรวจสอบมากกว่า สิ่งที่ตั้งใจของก้าวไกล ต้องการผลักดัน กฎหมายอุ้มหาย หรือ กฎหมายสุราก้าวหน้า เป็นสิ่งที่อยากทำให้สำเร็จ หากเป็นฝ่ายค้านยอมรับว่าไม่ง่ายที่จะทำได้ เพราะต้องใช้เสียงสนับสนุน ซึ่งคณะก้าวหน้าเห็นความสำคัญของการมีอำนาจรัฐ ที่ผลักดันเรื่องกฎหมายท้องถิ่น เห็นความสำคัญของการมีอำนาจรัฐแน่นอน แต่ต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมปัจจุบันทำได้ไม่ง่าย
"ก้าวไกล" เป็นพรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนพรรคที่มี ทหารจำแลง เช่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไทยสร้างชาติ หรือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พลังประชารัฐ เราไม่เอา แต่หากเป็นพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตย เพื่อไทย ที่สามารถทำงานร่วมกันได้มาตลอดที่เป็นฝ่ายค้าน
แต่อย่าไปคิดว่า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะต้องสูญเสียตัวตน แต่ให้มองว่าสิ่งที่เราหาเสียงนโยบายพร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นได้จำเป็นต้องมีเสียงในมือ เพื่อผลักดันนโยบายที่แหลมคมได้ ประชาชนพร้อมสนับสนุน หากก้าวไกลได้ 100 เสียงขึ้นเราน่าจะทำได้ง่าย แต่หากเราเหลือแค่ 30 เราก็ต้องมาพิจารณาตนเอง
"วราวิทย์" ถามว่า ทำไมไม่รอให้พร้อม เมื่อถึงเวลาให้การเมืองเปลี่ยนสำหรับก้าวไกล
"โรม" ตอบว่า ทำไมต้องรอ เพราะที่ผ่านมา แม้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน เราก็ได้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองมาตลอด ทั้งการอภิปรายที่ก้าวไกลเต็มไปด้วยข้อมูล หรือการสื่อสารกับประชาชน ซึ่งก้าวไกลได้เปลี่ยนการเมืองมาแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าการจะเป็นพรรคการเมืองหลักไม่ง่าย แต่หากเราเป็นพรรคร่วม สามารถทำให้เพื่อนเห็นพ้องกับเราได้ เหมือนการ "ถกขากางเกงเพื่อน" ซึ่งเราไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเลย แต่เราทำงานเพื่อความรับผิดชอบกับประชาชน ต่างจากเดิมที่เคยเป็นนักกิจกรรม ดังนั้นความรับผิดชอบไม่มีทางเหมือนกัน เพราะเมื่อเป็นนักการเมืองทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่การรับผิดชอบแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่มีอะไรมากลืนกินพรรคก้าวไกลได้
"วราวิทย์" ถามว่า ก้าวไกล ของตายของเพื่อไทยหรือไม่ เพราะไม่มีทางโหวตให้ฝั่งตรงข้าม
"โรม" บอกว่าจริงๆเรามีทางเลือก เราไม่ได้มองพรรคอื่นเป็นศัตรู และในการทางการเมืองเรามุ่งหวังจัดการกับพรรคการเมืองที่เป็นทหารจำแลง ซึ่งคนที่ได้ผลกระทบมากที่สุด คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่พรรคเพื่อไทยหากเป็นพรรคการเมืองที่ไม่เอามรดก คสช. ทำให้เรามีเป้าหมายเดียวกัน ไม่น่าจะมีความขัดแย้งกันได้ รวมทั้งฐานเสียงของเพื่อไทยกับก้าวไกลไม่ได้มาแย่งชิงกัน เพราะต่างมีแฟนคลับของพรรคตนเอง ไม่ใช่การแย่งฐานเสียงกันอยู่แล้ว
"โดยข้อเท็จจริง ฐานเสียงแยกกันพอสมควร แต่ปัจจุบัน มีความพยายามทำให้ก้าวไกล เป็น ผี"
"วราวิทย์" ถามว่ามีการแซวว่า ท่าทีของเพื่อไทย หากเป็นภูมิใจไทยจะเป็นพรรคสุดท้ายที่เพื่อไทยจับมือ แต่หากเป็นก้าวไกลจะปฏิเสธสิ้นเชิง และพร้อมไปจับมือกับพลังประชารัฐมากกว่า เพราะอะไร
"โรม" บอกว่า ก้าวไกลเป็นพรรคที่ตรงกับสังคมมากที่สุด เพราะชัดเจนมาตลอด โดยเฉพาะ มาตรา 112 ที่มีคนถูกดำเนินคดีจำนวนมาก จึงเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ต้องการแก้ไข แต่กลับมีความพยายามผลักก้าวไกล ไม่ให้สังฆกรรมกับพรรคการเมืองอื่น อยากให้คิดใหม่ ว่ามาร่วมกันผลักดันพรรคทหารจำแลง และไม่ให้มีรัฐประหารมากกว่า นี่คือโจทย์ประเทศไทย มาทำให้ 3 ป.เป็นอดีต หากทำให้เป็นจริงได้ แนวทางของพรรคก้าวไกลผิดตรงไหน อย่าผลักดันพรรคก้าวไกลให้เป็น "ผีทางการเมือง" มากกว่า
ชมคลิป>>> "โรม200 ล้านเปิดหน้าชน ส.ว.ทรงเอ วิเคราะห์สถานการณ์"ก้าวไกล" กับการถูกตราหน้า "ผีการเมือง"