svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เลือกตั้ง66" ส่องสมรภูมิเมืองหลวง 33 เขต พรรคใหญ่จัดหนัก

"เลือกตั้ง66" ส่องสมรภูมิเมืองหลวงสนามกทม. 33 คน 33 เขต พรรคใหญ่จัดหนักอัดเต็ม ทุ่มเต็มพิกัดเฟ้นหน้าใหม่หน้าเก่าลงชิงชัยเข้มข้น ใครรุ่ง ใครลั่น...ประชัน กทม.

หลังจากหลายพรรคการเมือง เดินสายปราศรัยขอคะแนนเสียง ในหลายพื้นที่ต่างจังหวัดทั้ง เหนือ อีสาน ใต้

แต่หากจับจังหวะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงนับจากนี้ไป ดูเหมือนพรรคการเมืองใหญ่จะวางยุทธศาสตร์ เคลื่อนทัพมาปักหมุดเมืองหลวง โดยมิได้นัดหมาย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา พรรคประธิปัตย์(ปชป.) เปิดตัว ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. กทม. 33 คน 33 เขต อย่างยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับ พรรคเพื่อไทย(พท.) ผ่านการให้สัมภาษณ์ของดร.แจ๋น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานประสานงานภาคกทม. ที่ยอมรับกับ"ผ่าสมรภูมิเลือกตั้งเนชั่นทีวี "ในการเปิดตัว เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อวางภาพสองแคนดิเดตนายกฯ สร้างกระแสเมืองกรุง ในการช่วยผู้สมัครส.ส.เพื่อไทย กทม.หน้าใหม่อีกทาง

เพราะครั้งนี้ พท.มีผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่เกือบ 60 % หรือหากสังเกตให้ดี พรรคไทยสร้างไทย เริ่มปล่อยภาพหาเสียง ในรูปลักษณ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรค แบบไม่เหมือนพรรคใด ติดทั่วกรุง

นั่นเป็นการส่งสัญญาณโหมช่วงชิงกระแสเมืองกรุงอย่างเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานประสานงานภาคกทม. พรรคเพื่อไทย

สำหรับสนามเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พลิกย้อนเหตุการณ์เลือกตั้งปี 62 สนาม กทม. มีแค่ 3 พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.ไป คือ พลังประชารัฐ 12 ก้าวไกล และเพื่อไทย พรรคละ 8 รวมเป็น 30

แม้ประชาธิปัตย์จะเป็น 0 แต่มองข้ามพรรคนี้ไม่ได้ เพราะ กทม.เปรียบเสมือน “บ้านอีกหลังหนึ่ง” ของพรรค นอกจากภาคใต้

การเปิดตัว 33 ผู้สมัครส.ส.กทม.นี่คือโฉมหน้าของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของประชาธิปัตย์ทั้ง 33 เขต

"เลือกตั้ง66" ส่องสมรภูมิเมืองหลวง 33 เขต พรรคใหญ่จัดหนัก

จะเห็นได้ว่า “ว่าที่ผู้สมัคร” มีทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก๋า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าใหม่ ถือเป็นเดิมพันใหญ่อีกหนึ่งพื้นที่ของประชาธิปัตย์

ส่วนรุ่นเก๋าอย่าง วิลาศ จันทร์พิทักษ์ ซึ่งมีบทบาทสูงเรื่องตรวจสอบทุจริต โดยเฉพาะอาคารรัฐสภา “สัปปยะสภาสถาน” ที่ขยายสัญญาจนขี้เกียจนับ ค่าปรับก็ไม่เสีย เที่ยวนี้ก็มีรูป มีหน้า ลุยสนามเลือกตั้งด้วย สะท้อนว่าประชาธิปัตย์ ยังคงให้ความสำคัญกับปัญหาคอร์รัปชัน และการตรวจสอบทุจริต เช่นเดียวกับ วัชระ เพชรทอง จอมตรวจสอบแบบ “ปะ-ฉะ-ดะ” ก็มีชื่อติดโผด้วยเช่นกัน

"เนชั่นทีวี" ได้ข้อมูล "วงในของแกนนำพรรคระดับสูงสุด" เหมือนข้อมูลแรก ผสมกับ "วงใน กทม." ของพรรค ประเมินทิศทางการเลือกตั้งสนามกทม.

  • คาดว่าน่าจะได้ 5-8 ที่นั่ง
  • 5 ที่นั่งเป็นเป้าหมายต่ำสุด และน่าจะได้แน่ แต่ถ้าเวลาที่เหลือสามารถทำพื้นที่ได้ดี จะไหลไป 8 ที่นั่ง
  • เขตแข็งแรง คือ

     1.ประเวศ (กิตพล เชิดชูกิจกุล อดีตส.ก.4สมัย) - คนนี้แข็งโป๊ก และ ส.ก.เขตนี้ ปชป.ก็นอนมา คือ ธนวัฒน์ เชิดชูกิจกุล น้องชายของกิตพล

     2.พระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์ (เจิมมาศ จึงเลิศศิริ)

     3.พื้นที่ กทม.ชั้นใน เช่น วัฒนา-คลองเตย (เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง) มี "เดอะต่าย" สุชัย พงษ์เพียรชอบ ส.ก.คลองเตย เป็น “ป๋าดัน”

     4.อดีตแชมป์ในเขตนั้นๆ

  • สนามเลือกตั้ง กทม. คาดว่าเพื่อไทยจะได้มากกว่าก้าวไกล และก้าวไกลจะได้ ส.ส.ลดลงกว่าตอนเป็นอนาคตใหม่
  • รวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.จากคน ปชป. และพลังประชารัฐบางคน ที่ย้ายไปอยู่
  • ปชป.สูญพันธุ์ใน กทม.เมื่อปี 62 เกิดจาก “อุบัติเหตุการเมือง” เป็นผลจาก “อดีตนายกฯอภิสิทธิ์” ประกาศไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์
  • แต่กระแสปี 66 ไม่เหมือนปี 62 แล้ว เพราะปี 66 แฟนคลับ ปชป.ที่เคยเอือมอภิสิทธิ์ ไม่เอาประยุทธ์ ก็เห็นแล้วว่า ไม่ควรเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อมาจริงๆ
  • ถ้าอดีตนายกฯอภิสิทธิ์กลับมาช่วยหาเสียง ปชป.จะยิ่งฟื้นใน กทม. และถ้าอภิสิทธิ์ มีชื่อเป็นผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ จะเป็น “ไพ่เด็ดใบสุดท้าย” พลิกฟื้น ปชป.ในเมืองหลวง

ไม่ได้มีแต่ประชาธิปัตย์ที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ครบทั้ง 33 เขต แต่ยังมีเพื่อไทยที่เปิดครบไปก่อนแล้วด้วย

ว่าที่ผู้สมัครเพื่อไทย

จะเห็นได้ว่า เพื่อไทยมาสูตรเดียวกับประชาธิปัตย์ คือเน้นว่าที่ผู้สมัคร "คนรุ่นใหม่" เป็นส่วนมาก ผสมกับรุ่นเก๋า และ ส.ส.เก่า (ซึ่งเป็น ส.ส.เก่าสมัยที่แล้วด้วย แตกต่างจากประชาธิปัตย์) โดยเหตุผลที่เพื่อไทยให้น้ำหนักคนรุ่นใหม่ และมี “ดอกเตอร์” ถึง 8 คน ก็เพราะมั่นใจในกระแส

"โพลลับเพื่อไทย" ยังค่อนข้างน่ากังวล เพราะก้าวไกลมาแรง และหลายเขตเพื่อไทยยังตามหลัง สอดคล้องกับโพลของฝ่ายความมั่นคงที่สำรวจก่อนหน้านี้ระยะหนึ่ง และจัดทำรายงานออกมาว่า ก้าวไกลอาจได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำในพื้นที่ กทม. อาจถึงขั้นเป็นแชมป์ กทม. 

แนวทางของเพื่อไทย คือสร้างความแตกต่างจากก้าวไกล และชิงเสียงคนรุ่นใหม่มาจากก้าวไกล โดยมุ่งไปที่ First Jobber หรือคนเพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งจะให้ความสนใจกับอุดมการณ์ล้มระบอบ เปลี่ยนประเทศแบบพลิกฝ่ามือ ตามแนวทางของก้าวไกลน้อยกว่า

อีกกลุ่มหนึ่งคือ คนรุ่นใหม่วัยเรียนที่เป็น "รากหญ้า" ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ช่วยครอบครัว กลุ่มนี้จะชื่นชอบนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท

ข้างฝ่ายก้าวไกล จะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครครบทั้ง 33 เขต วันที่ 12 มี.ค.ที่จะถึงนี้ "ขุนพลก้าวไกล" ที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม. คือ

"เลือกตั้ง66" ส่องสมรภูมิเมืองหลวง 33 เขต พรรคใหญ่จัดหนัก

  • พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค
  • ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ
  • รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรค (ขวัญใจฮาร์ดคอร์)

ส่วนอีก 1 พรรคที่ได้ ส.ส.เมื่อปี 62 คือพลังประชารัฐ รอบนี้มี "เดอะจั้ม" สกลธี ภัททิยกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นหัวเรือใหญ่ แต่ด้วยคะแนนนิยมตกต่ำเกือบถึงขีดสุด ทำให้หวังยาก เจ้าตัวก็ยอมรับ เป้าหมายจึงอยู่ที่เขตที่มี ส.ส.เก่า อย่างหนองจอก และเครือข่ายใกล้เคียง รวมถึงเขตที่ได้ ส.ก. (ดินแดง และหนองจอก)

ขณะที่ภูมิใจไทย ครั้งนี้หวังสร้างประวัติศาสตร์ปักธง กทม.ให้ได้ โดยมี "หนุ่มบี" พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีดีเอส ออกจากพลังประชารัฐมาเป็นหัวเรือใหญ่ ได้อดีต ส.ส.ค่ายลุงป้อมไปหลายคน แต่ต้องรอดูว่า คน กทม.จะยอมรับ "พรรคพลังกัญ" หรือไม่ ยิ่งโดน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ขนาดนี้ จะเหลือที่นั่งให้เชยชมได้อย่างไร ต้องรอดูผลงาน

ประเมินจาก "พรรคคนกลาง" คือ พลังประชารัฐ ว่า 5 พรรคหลักที่ช่วงชิงเก้าอี้ ส.ส.กทม. พรรคไหนน่าจะได้กี่ที่นั่ง ตรงกับที่แต่ละพรรคประเมินเองหรือไม่ ไปดูกัน