ตอนนี้หลากพรรคลงพื้นที่เปิดเวทีหาเสียงทั่วประเทศ เพราะตารางเลือกตั้งส.ส.นั้นคงไม่เกิน วันที่7พ.ค.66 เป็นแน่แท้ ลีลาของแต่ละพรรคเป็นเช่นใดนั้นเชื่อว่าคนไทยน่าจะให้คะแนนชั้นต้นกันไปแล้ว
"พลังประชารัฐ" คือพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลปัจจุบัน แม้ตอนนี้จะพบว่าส.ส.หลายคนได้เดินจากไปแต่ความพร้อมอื่นๆของพรรคนี้นั้นยังอุบไต๋ว่าจะขยับอย่างไรต่อไป เพราะเป้าหมาย "เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลชุดหน้า" เพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมืองและต้องได้ส.ส.สองระบบจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบเก้าอี้ตามคำมั่นที่ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคเคยประกาศไว้นั้น
หลักชัยนี้พรรคของ"ลุงป้อม"จะขยับสู้กับพรรคอื่นๆเช่น เพื่อไทย ก้าวไกล ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย หรือแม้แต่รวมไทยสร้างชาติที่นำโดย "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ได้เพียงใดนั้น น่าคิดในเชิงลึกว่า "ลุงป้อมและทีมงาน" จะเดินจังหวะใดบนถนนการเมืองให้ถึงฝั่งฝัน
หากมองไปยังตลาดการเมือง พบว่า หลากพรรคเปิดนโยบายหาเสียงกันแบบไม่ยั้งมือ แต่คล้ายว่า ยังออกตัวช้ากว่าเพื่อนไปบ้าง และหลายวาระพบว่ายังไม่มีการแจ้งต่อสังคมว่าพปชร.จะเดินหน้าอย่างไร
แม้สังคมในตอนนี้รู้จักพลเอกประวิตรว่า "ลุงป้อม700-ลุงป้อมทรงอย่างแบด" กันทั่วถ้วน แต่วันข้างหน้านั้นสังคมจะรู้จัก"ลุงป้อม"ให้ลึกและวางใจให้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลใหม่อย่างไรหลังการเลือกตั้งนั้น เป็นการบ้านที่พลังประชารัฐและทีมงานต้องเร่งขยับเพราะเวลาที่ประเมินกันว่าทุกพรรคจะได้เวลา 54 วันไว้หาเสียง(สมมติฐานยุบสภาวันที่15มี.ค.และเลือกตั้งวันที่7พ.ค.)
ตรงนี้คือการบ้านข้อใหญ่...ที่พลังประชารัฐยังไม่เผยไต๋ว่า จุดขายของพรรคคืออะไรและสังคมจะได้สิ่งใดตอบแทนหากเลือกพรรคของลุงป้อม
แต่อย่าลืมว่า กูรูการเมืองหลายคนชี้ว่า ไม่ว่าผลเลือกตั้งจะออกมาเช่นใด โอกาสของลุงป้อมที่จะแตะมือพรรคต่างๆในการตั้งรัฐบาลใหม่นั้นมีสูงยิ่งไม่ว่าพลังประชารัฐจะได้ส.ส.เท่าใดก็ตาม เพราะด้วยบารมีทางการเมืองของ"ลุงป้อม"ที่มีอยู่นั้น กูรูการเมืองจึงให้น้ำหนักกับลุงป้อมว่าเป็นตัวแปรหลักที่แทบทุกพรรคต้องประสานมายังพลเอกประวิตรในเวลาข้างหน้าแน่นอน
แม้บางพรรค เช่น ก้าวไกล เพื่อไทย ไทยสร้างไทย ประกาศชั้นต้นแล้วว่าไม่แตะมือกับพรรคของ3ป.แต่ในความจริงแล้ว หากขาดตัวกลางซึ่งคนการเมืองเกือบทุกพรรคทราบดีว่า คนกลางคนนั้นที่ประสานได้เกือบทุกขั้วคือ "พลเอกประวิตร" ดังนั้นโอกาสของสองฝั่งการเมืองในตอนนี้ที่หวังจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนั้นจะยากไปอีกหลายขั้นหากไม่ให้ลุงป้อมเป็นตัวกลาง ตัวอย่างคือพรรคเสรีรวมไทยที่ยืนยันว่าร่วมงานกับพรรคของ"ลุงป้อม"ได้
ตรงนี้สะท้อนว่า"ลุงป้อม"คือกลจักรสำคัญในการตั้งรัฐบาลใหม่และลดความขัดแย้งบนเวทีการเมืองได้
ประเด็นหนึ่งที่สอดรับกับการวางหมากของ"ลุงป้อม"ที่ทีมงานเจาะข้อมูลมาได้นั้นจะพบว่า มุมมองที่พปชร.เสนอต่อสังคมคือ "ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่"นั้น แน่นอนแล้วว่า"ลุงป้อม"เลือกใช้เป็นแคมเปญหลัก คือการดูแลประชาชนที่เดือดร้อนมานานเช่น น้ำแล้ง-น้ำท่วม ที่ดินทำกิน การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย,ผู้ด้อยโอกาสในสังคมนั้น เป็นวาระที่"ลุงป้อม"กำชับแกนนำและสมาชิกพรรคว่า พรรคต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมานานให้ลุล่วงในช่วงที่พลเอกประวิตรยังทำงานการเมืองอยู่
เพราะการลงพื้นที่ของลุงป้อมไม่ว่าจะตรวจราชการหรือภารกิจส่วนตัวจะพบว่าสังคมให้การตอบรับและขณะเดียวกันการเดินเกมเพื่อสื่อสารกับสังคมทุกระดับชั้นและทั่วประเทศนั้น พบว่า"ทีมงาน FCลุงป้อม" ที่ลงพื้นที่ต่างๆเพื่อสอบถามและให้กำลังใจประชาชนในแต่ละว่าต้องการให้ลุงป้อมช่วยแก้ไขอะไรบ้างนั้น
นับว่าเป็นการเช็กเรตติ้งลุงป้อมในทุกกลุ่มสาขาอาชีพและเปิดพื้นที่ให้สังคมสื่อสารกับลุงป้อมได้โดยตรง ก่อนที่ลุงป้อมจะลงพื้นที่จริงเพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนที่ประชาชนสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยีวิดีโอคอลในการสื่อสารระหว่างกันและกัน
ตอนนี้กระแสจากคนหลากกลุ่มในสังคมนั้น(โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่)ตอบรับลุงป้อมมากกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้เพราะด้วยบุคลิกว่า "ลุงป้อมใจดี เป็นผู้ใหญ่ พร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะ” บวกกับภาพที่ลุงป้อมปรากฏกับสังคมแบบชิลล์ๆหลากวาระนั้น จะอยู่ตรงข้ามกับกระแสข่าวลือเชิงลบเกี่ยวกับลุงป้อมที่ปรากฏอยู่ไปได้มากทีเดียว
ดังนั้นหลากพรรคจะประมาทการขยับจังหวะของ"ลุงป้อม"ในการเดินเกมไม่ได้ แม้เพียงเสี้ยวพริบตา