กติกาเลือกตั้ง "อาวุธลับ" เตะตัดขาคู่แข่ง ชิงความได้เปรียบ?

เกิดเป็นปมร้อนขึ้นมาแล้ว สำหรับเหล่าบรรดาพรรคการเมืองเมื่อ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ควงแขน “วีระ สมความคิด” สมาชิกพรรค "เสรีรวมไทย" หอบหลักฐานยื่น กกต. ให้ตรวจสอบพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” จัดอีเวนต์เปิดตัว ”บิ๊กตู่” วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป้าหมายสกัดคู่แข่ง “พลังประชารัฐ” หรือไม่? หากทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจริง เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. โทษสูงสุด คือ ตัดสิทธิลงเลือกตั้ง 20 ปี มีหลายประเด็น อาทิ

-ขนมวลชนขึ้นรถบัสกว่าร้อยคันมาร่วมงานเปิดตัวพรรค

-แจกเสื้อ,หมวก ของพรรคหลายพันใบให้ผู้ที่มาส่งแรงเชียร์ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

-จัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรค แต่ไม่มีการเซ็นชื่อผู้เข้าร่วม ไม่มีวาระประชุม ไม่มีการลงมติเลือกรรมการสรรหาผู้สมัคร 

แต่ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” หนึ่งในกุนซือใหญ่ “รวมไทยสร้างชาติ” ไม่แคร์ ออกมาใช้ถ้อยคำรุนแรงว่า ไปร้องก็ช่างหัวมันเป็นไร นี่แหละคำตอบผม เพราะผมเป็นคนอย่างนี้ ช่างหัวมึง มึงไปร้องที่ไหนก็เชิญ

ไม่พอร้อนถึง เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ “เอกนัฎ พร้อมพันธุ์” ต้องเร่งแจงด่วนทันทีว่า “กิจกรรมในวันดังกล่าว สืบเนื่องต่อจากการะประชุมสมัยวิสามัญของพรรค ซึ่งแจ้งล่วงหน้ากับ กกต.ไปแล้ว ดังนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย”

ส่วนฝากฝั่ง กกต. “แสวง บุญมี” สั่ง กตต. ทุกจังหวัด จับตาความเคลื่อนไหวของเหล่าบรรดาพรรคการเมือง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และ รัฐมนตรี ขณะลงไปปฏิบัติหน้าที่อย่างใกล้ชิด หมิ่นเหม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้พรรคตัวเอง เชื่อว่าหลังจากนี้ไปการแข่งขันช่วงชิงพื้นที่ของแต่ละพรรคจะเข้มข้นขึ้นอีก

แม้แต่เนติบริกร “วิษณุ เครืองาม” กูรูด้านกฎหมาย ออกมาเตือนขอให้ยึดหลักอย่าใช้ทรัพยากร งบประมาณ บุคลากร สถานที่ และเวลาของทางราชการ เพื่อประโยชน์ในการหาคะแนนเสียงให้แก่ตัวเองหรือพรรคการเมือง พร้อมกับยกตัวอย่างให้เห็นว่า “บางคนลาราชการหรือไปหลังเวลา 16.30 น." ซึ่งสามารถทำได้  

หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้หลายพรรคการเมือง โดนร้องเรียนผ่านมายัง กกต. ในหลายเคสเช่นกัน “พรรคก้าวไกล” เจ้าของสโลแกน “หยุด ม.112” ถือเป็นนโยบายหลักของพรรค ถูกยื่นร้องเรียนถึงนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรค ว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง รวมถึงผิดตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากผิดจริง โทษสูงสุดอาจถึงขั้นยุบพรรค



ถัดไปหนีไม่พ้นพรรคฝ่ายค้านอย่าง “พรรคเพื่อไทย” เคยถูกโดนร้องเรียนไปถึง กกต. ว่าพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ภายหลัง “อุ๊งอิ๊งค์” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บินไปหาท่านพ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ถึงต่างประเทศหลายครั้ง ซึ่งมองว่าอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง “ปมคนนอกครอบงำพรรคการเมือง” หรือไม่

ส่วนนโยบายเพิ่มค่าแรง 600 บาทต่อวัน ของเพื่อไทย โดนสงสัยไปตามระเบียบ ดูผิวเผินหลายคนคิดว่าไม่มีอะไร แต่กลายเป็นเป้านิ่งถูกจับตาด้วย เพราะผู้ร้องเรียนสงสัยว่า “ทักษิณ” บิดาของ “อุ๊งอิ๊งค์” อาจเข้าข่ายใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายนี้ จึงอาจทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง “คนนอกครอบงำพรรคการเมือง”



ตบท้ายด้วย “พลังประชารัฐ” ของ “ลุงป้อม” 28 ต.ค.65 ที่ผ่านมา “ศรีสุวรรณ” เจ้าเก่า บุก กกต. เข้าร้องเรียนเรื่อง รับเงินบริจาค 3 ล้านบาท จากนักธุรกิจชาวจีน (ทุนจีนเทา) ซึ่งหากตรวจสอบพบทำผิดฝ่าฝืนกฎหมาย ก็คงไม่รอดที่ กกต. จะพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐ  

ทำให้ ประธานยุทธศาสตร์ พปชร. “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เร่งแจงเป็นการด่วนว่า การบริจาคเงินให้พรรคไม่สามารถรู้รายละเอียดส่วนลึกของแต่ละบุคคลได้ เพียงแต่ตรวจดูว่าเงินมาในรูปแบบที่ กกต. ได้กำหนดไว้ ซึ่งถูกต้องครบถ้วน และเงินนี้เข้ามาตามกฎหมาย

หลังจากนี้บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งยิ่งเข้มข้น ต้องจับตาดูว่าพรรรการเมืองใด พลาดท่าตกม้าตายทำผิด กม.เลือกตั้ง แล้วตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงข้าม นำมาเล่นงานสกัดตัดออกเกมการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงหรืออาจจะมาสอยร่วงหลังการเลือกตั้ง