svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

หนุ่มอุดรฯ เล่าวินาทีรอดตาย ถูก 'ฮามาส' แทงคอจนสลบ

12 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนุ่มอุดรฯ แรงงานไทยในอิสราเอล เล่านาทีชีวิต รอดตายจาก 'ฮามาส' หลังถูกมีดแทงคอสลบ จนคิดว่าตายแล้ว ก่อนฟื้นเดินกลับแคมป์หานายจ้างช่วยเรียกทหารนำส่ง รพ. รักษาตัวอยู่ 3 วัน ระบุ โชคดีที่รอด แต่ไม่อยากอยู่แล้ว และไม่ขอกลับมาที่อิสราเอลอีก

จากกรณีเมื่อเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคม 2566 กองกำลังติดอาวุธฮามาส บุกโจมตีอิสราเอล ทั้งบนอากาศและภาคพื้นดิน มีกองกำลังติดอาวุธบุกเข้ามาสังหารในฉวนกาซา ทำให้มีพลเมืองผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตนับพันราย รวมทั้งแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลหลายรายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต บางส่วนถูกจับเป็นตัวประกัน ทั้งนี้ มีชาวอุดรธานี เสียชีวิต 7 ราย  หนุ่มอุดรฯ เล่าวินาทีรอดตาย ถูก \'ฮามาส\' แทงคอจนสลบ อุดรธานี วันที่ 12 ตุลาคม 2566 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านสระคุ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนายวิทวัส กุลวงศ์ หรือแจ็ค อายุ 34 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ที่รอดชีวิตจากการถูกกลุ่มฮามาสบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายในฟาร์มไก่งวงที่ทำงานอยู่ โดยใช้มีดปาดคอ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุด ครอบครัวสามารถติดต่อ นายแจ็ค ได้แล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.วาสนา พิมพ์สุวรรณ อายุ 27 ปี ภรรยาของนายแจ็ค และ ลูกสาววัย 5 ขวบ นั่งอยู่หน้าบ้าน  มีญาติและเพื่อนบ้านต่างเดินทางมาให้กำลังใจและแสดงความยินดีที่นายแจ็คปลอดภัย 

ทั้งนี้ นายวิทวัส หรือแจ็ค ได้วีดีโอคอลมาพูดคุย โดยเล่าว่า ขณะกำลังเดินอยู่ในฟาร์ม เพื่อตรวจดูว่ามีไก่งวงตายหรือไม่ ก็มีการยิงเข้ามา และมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์ม จึงหาที่หลบซ่อนตัว และเข้าไปหลบอยู่ประมาณ 2-3 ชม. เมื่อกองกำลังออกไปแล้ว ได้ออกมาจากที่ซ่อน เดินเข้าไปในฟาร์ม ได้มีกองกำลังเข้ามาอีก และมาพบตนซึ่งกองกำลังได้ใช้มีดพยายามฆ่าปาดคอตน แต่ตนต่อสู้ สู้กันประมาณ 1 ชม. ตนถูกแทงคอ แทงหลัง และแทงหน้าผาก เลือดไหลออกมาก จนหมดสติไป เขาคงคิดว่าตนตายแล้ว จึงหยิบเอาโทรศัพท์ตนไปด้วย ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง ตนฟื้นขึ้นมา จึงเดินกลับไปที่แคมป์คนงาน เพื่อนคนงานและนายจ้าง ช่วยแจ้งทหารอิสราเอลนำตนส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ 3 วัน ก่อนออกจาก รพ.จึงติดต่อหาภรรยาและลูก ถือว่าตนโชคดีที่รอดชีวิต แต่ตนไม่อยากอยู่แล้ว อยากจะกลับบ้าน และไม่ขอกลับมาทำงานที่อิสราเอลอีก

ด้าน น.ส.วาสนา กล่าวว่า แต่งงานกับนายวิทวัส มีลูกด้วยกัน 1 คน นายวิทวัส เดินทางไปทำงานเกษตร ที่ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล สัญญาทำงาน 5 ปี 3 เดือน ทำงานได้ 4 ปี ไม่กลับมาพัก ได้รับเงินเดือน 4-5 หมื่นบาท โดยก่อนเดินทางไปทำงานได้กู้ยืมเงินจากนายทุนนอกระบบจำนวน 100,000บาท ไปทำงานผ่านกรมจัดหางานถูกต้องตามกฎหมาย ช่วง 2 ปีแรก นายแจ๊ค ทำงานในสวนมะเขือเทศ ต่อมา 2 ปีหลัง ทำงานในฟาร์มไก่งวง จะส่งเงินกลับมาให้ตนซื้อรถปิกอัพ 1 คัน และซื้ออุปกรณ์เตรียมสร้างบ้านไว้แล้ว ก่อนเกิดเหตุเป็นวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ซึ่งจะเป็นวันหยุดของสามี แต่สามีจะขับรถไถออกจากแคมป์ที่พักไปที่ฟาร์มไก่ เพื่อเก็บไก่ที่ตายออกมา ขณะเดินอยู่ในฟาร์มไก่ และไลฟ์สดในเฟซบุ๊กให้ตนดู มีการยิงปืนเข้ามา ซึ่งสามีบอกว่ามีการยิงกันแล้ว แต่ครั้งนี้ยิงหนักมาก แถมมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์มด้วย สามีไปหาที่หลบซ่อนตัวอยู่ประมาณ 2-3 ชม.และห้ามตนโทรไปหา เพราะเกรงว่ากลุ่มฮามาสจะได้ยิน ตนก็ไม่โทร แต่พอได้ดูคลิปยิงแรงงานไทยตายในแคมป์ ก็ยิ่งห่วงสามีมากขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตนพยายามทักแชทไปหาเพื่อนร่วมงานของสามี จนถึงช่วงเย็นถึงสามารถติดต่อเพื่อนร่วมงานของเขาได้ โดยเพื่อนบอกว่าสามีอยู่ในห้อง บาดเจ็บเล็กน้อย นายจ้างติดต่อทหารอิสราเอลมารับไปส่งโรงพยาบาลแล้ว 

ทั้งนี้ ภายหลังทราบว่าสามีได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลแล้ว ตนรู้สึกโล่งใจ แต่ไม่สามารถติดต่อกับสามีได้ ได้แต่แชทไลน์สอบถามอาการกับเพื่อนร่วมงาน ส่วนตนและครอบครัว เดินทางไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่ เพื่อให้สามีปลอดภัย กระทั่ง สามีออกจากที่โรงพยาบาลวันที่ 11 ตุลาคม 2566 ลูกชายนายจ้างให้ใช้โทรศัพท์วีดีโอคอลมาหาตน และได้พูดคุยกัน ก็รู้สึกดีใจ แต่พอเพื่อนของสามีส่งภาพตอนที่สามีโดนแทงได้รับบาดเจ็บมาให้ดู ตนถึงกับร้องไห้ มันน่ากลัวมาก สามีรอดชีวิตมาได้อย่างไร หากสามีกลับมาบ้านแล้ว จะไม่ให้กลับไปอีกเลย 

นางคำศรี พิมพ์สุวรรณ 66 ปี แม่ยาย เปิดเผยว่า ได้กู้เงินมาเพื่อส่งลูกเขยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เพราะตนยกที่ดินให้ลูกสาวแล้ว และลูกเขยอยากสร้างบ้าน จึงเดินทางไปทำงานหาเงินสร้างบ้าน ลูกเขยส่งเงินมาก็ทยอยซื้ออุปกรณ์สร้างบ้านเก็บสะสมไว้ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เห็นภาพโดนแทงเลือดเต็มตัว ตนรู้สึกสงสารลูกเขยมาก กลับมาแล้วก็จะไม่ให้ไปอีก ทำมาหากินอยู่เมืองไทยบ้านเราดีกว่า

logoline