วันที่ 5 ตุลาคม 2566 อดีตข้าราชการที่แม้เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่ยอมหยุดนิ่ง อาศัยหลักแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ใช้ที่ดินและแรงงานที่เหลือในการออกกำลังกายและไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างว่างเปล่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปลูกผักสวนครัวบนเนื้อที่ 10 ไร่ แบบเกษตรผสมผสาน อาทิ มะเขือเปราะ มะเขือยาว (ม่วง) แตงกวา ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งยังปลูกแซมไม้ยืนต้น ขนุน ทุเรียน หน่อไม้ไผ่หวาน กล้วยน้ำว้า โดยการปลูกพืชดังกล่าวจะใช้วิถีเกษตรอินทรีย์ เน้นปลอดภัยต่อสุขภาพ ใช้น้ำหมักชีวภาพสลับกับปุ๋ยหมักสูตรผสม ทำให้ผักสวนครัวติดผลดก เก็บขายที่ตลาดนัด 3 วันต่อครั้ง
ลุงจำนงค์ วุฒิกมลชัย อายุ 79 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บอกว่า หลังจากปลดเกษียณ ตนเองมีที่ดินทำกินอยู่แล้ว ไม่อยากให้พื้นที่ว่างเปล่า จึงยึดแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง หันมาปลูกพืชผักสวนครัวแบบผสานหลากหลาย ใช้ปุ๋ยคอก หรือเกษตรอินทรีย์
ซึ่งนอกจากได้ผลผลิตเป็นอาหารแล้ว ปรากฏว่ายังสามารถสร้างรายได้ในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งใช้การดูแลแปลงเกษตรเป็นการกำลังกายด้วย โดยปลูกพืชผักสวนครัวชนิดต่างๆ หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนกันไป เพื่อให้มีกินมีขายกันทั้งปี
ลุงจำนงค์ เล่าต่อไปว่า ปีนี้หันมาปลูกมะเขือเปราะ มะเขือยาว เพิ่มอีก 3 งาน สามารถเก็บผลผลิตครั้งละ 30-40 กิโลกรัม โดยให้ภรรยานำไปขายที่ตลาดนัดต่างๆ ใกล้บ้าน ขายกิโลกรัมละ 20 บาท
สร้างรายได้ครั้งละ 2,400 บาท เฉลี่ยมีรายได้เดือนละ 12,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมกับขายข้าวโพดกินฝักที่ปลูกไว้ รวมทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รอเก็บเกี่ยว นับว่ามีรายได้หลังเกษียณที่ดีอีกด้วย และไม่ว่างเปล่าไปในแต่ละวัน ชีวิตสุดคุ้มค่า