26 กันยายน 2566 จากกรณี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ หรือที่เพื่อนตำรวจเรียกว่าสารวัตรศิว อายุ 32 ปี นายตำรวจประจำสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ถูกนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ลูกน้องคนสนิทของกำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนัน ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ใช้อาวุธปืนยิงกลางงานเลี้ยงที่บ้านของกำนันนก เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 2566 ต่อมาได้รับพระราชทานเพลิงศพที่วัดพระมหาธาตุ บางเขน กทม. เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติๆ และเพื่อนตำรวจทุกเหล่าที่มาร่วมงาน
วันนี้ (26 กันยายน 2566) เรืออากาศโท ศิลนา สายบัว และ นางทัศนัย สายบัว บิดาและมารดาของสารวัตรแบงค์ พร้อมญาติๆ เดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารจากสนามบินดอนเมือง มายัง จ.นครพนม จากนั้นเดินทางต่อมายังวัดสว่างสุวรรณราม ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 212 (นครพนม-บ้านแพง) ชุมชนวัดสว่างฯ หน้าสวนหลวง ร.9 เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อนำอัฐิและเถ้าอังคารของลูกชาย มาเก็บไว้ยังศาลาการเปรียญหลังใหม่ เพื่อรอครบ 100 วัน ประมาณปลายเดือนธันวาคม 2566 ก็จะทำบุญอุทิศส่วนกุศล และประกอบพิธีลอยอังคารในแม่น้ำโขงตามลำดับ
ในการนี้ พระราชสิริวัฒน์ หรือ เจ้าคุณเพชร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดสว่างฯ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์อุปสมบทสารวัตรแบงค์ ก่อนเข้ารับราชการบรรจุเป็นตำรวจกองปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อมาได้ย้ายไปเป็นตำรวจทางหลวง กระทั่งถูกยิงเสียชีวิต
โดยเจ้าคุณเพชรเป็นผู้นำกล่าวอัญเชิญเทวดาทุกชั้น ให้ร่วมรับทราบในการนำกระดูกของสารวัตรกลับคืนสู่บ้านเกิด พร้อมนำกล่าวอโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร และขอให้ความดีที่สารวัตรแบงค์ได้ทำไว้ในชาตินี้ ส่งผลให้มีความสุขในภพภูมิที่ดี
หลังเสร็จพิธี นางทัศนัย สายบัว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุผลที่นำกระดูกของลูกชายมาไว้ที่วัดบ้านเกิด จ.นครพนม เพื่อรอทำบุญครบ 100 วันในการเสียชีวิต ว่า สารวัตรแบงค์เกิดที่โรงพยาบาลนครพนม เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2534 มีความผูกพันกับคุณยายมาก ต่อมาเข้าเรียนชั้นอนุบาล 1-3 ที่โรงเรียนเทศบาล 1 ชุมชนหนองแสง เขตเทศบาลเมืองนครพนม ซึ่งตนเองในขณะนั้นทำงานอยู่เทศบาลเมืองนครพนม ส่วนคุณพ่อรับราชการทหารอากาศ พื้นเพเป็นชาวจังหวัดจันทบุรี ภายหลังคุณพ่อย้ายไปรับราชการที่กรุงเทพมหานคร ก็ปรึกษากันว่าควรนำลูกชายไปเรียนชั้นประถมที่กรุงเทพฯ ด้วย เพราะเป็นเด็กเรียนเก่ง ต่อมาตนเองได้ย้ายตามไปอยู่กับครอบครัว แต่สารวัตรแบงค์ไม่ทิ้งบ้านเกิด จึงไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ -นครพนม สม่ำเสมอ อีกอย่างตอนสารวัตรแบงค์ตอนเล็กๆ เป็นเด็กงอแง จึงนำไปมอบให้เป็นลูกพระธาตุพนมตามคติความเชื่อ
กระทั่งอายุครบอุปสมบท สารวัตรแบงค์ได้มาบวชอยู่กับเจ้าคุณเพชร เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณราม แต่ก่อนหน้านี้เคยบวชเป็นสามเณรมาก่อนแล้ว จึงมีความผูกพันกับเจ้าคุณเพชรตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งตนเองกับท่านเจ้าคุณเพชรเป็นเพื่อนเรียนหนังสือมาด้วยกัน จึงไว้วางใจที่จะฝากลูกชายให้ท่านใช้ธรรมะเสริมสร้างจิตใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการตำรวจ
“เมื่อนำกระดูกสารวัตรแบงค์มาไว้ที่นครพนมแล้ว คุณแม่ก็จะมาหาเขาทุกสัปดาห์ หรือสองสัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อร่วมทำบุญกับญาติพี่น้อง และจะพูดคุยกับเขา แม้อยู่กรุงเทพฯก็ทำบุญตลอด แต่ที่นี่มีกระดูกลูกชายอยู่ แม่จะต้องมาหาเขาทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ฯ” นางทัศนัย สายบัว กล่าว.
เมื่อถามถึงด้านคดี นางทัศนัย ตอบอย่างมั่นใจ ว่า มีความเชื่อมั่นฝีมือของตำรวจสอบสวนกลางมากที่สุด โดยเฉพาะ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง แม่เรียกร้องหาท่านตั้งแต่วันแรกที่ลูกโดนยิง ท่านขณะนั้นไปต่างประเทศ ยังมีความห่วงใยโทรศัพท์สอบถามและสั่งงานลูกน้องตลอดเวลา ทำให้เรามีความมั่นใจในคดีนี้ ยิ่งโอนคดีมาอยู่สอบสวนกลาง ยิ่งเพิ่มมั่นใจเป็นอย่างมาก ไม่กังวลหรือสงสัยอะไรทั้งสิ้น ส่วนเรื่องการฟ้องร้องเยียวยา ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่เรียกร้องเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับชีวิตของลูก ทุกวันนี้ก็ยังทำใจไม่ได้
“เมื่อเช้านี้ก่อนขึ้นเครื่องบอกกับลูกว่า แบงค์แม่จะพาลูกไปอยู่กับหลวงพ่อที่นครพนมนะ ดวงจิตดวงวิญญาณอยู่ตรงไหนก็ไปกับแม่ เพราะไปอยู่กับหลวงพ่อจะได้ชะล้างจิตใจไม่ให้มีอาฆาตพยาบาท เพราะแม่ได้อโหสิกรรมตั้งแต่ลูกชายของแม่สิ้นลมหายใจ แต่ว่ากฎแห่งกรรมก็ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับในส่วนนั้น”
นอกจากนี้ นางทัศนัย ได้ยกมือไหว้ขอบคุณชาวนครพนม ที่ต่างส่งกำลังใจมาให้ พร้อมกล่าวว่า กราบขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวนครพนมทุกคน ที่ให้กำลังใจศรัทธาในตัวลูกของแม่ ขอบคุณมากค่ะ ซึ่งขณะที่นางทัศนัย ให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มีน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา