
30 สิงหาคม 2566 กลายเป็นสงครามยืดเยื้อภายในประเทศ สำหรับการสู้รบระหว่าง "ทหารฝ่ายเมียนมา" และกองกำลัง "กะเหรี่ยงคะยา" บริเวณชายแดนแม่ฮ่องสอน ที่ต่างขนอาวุธหนัก เข้าถล่มกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีทหารและประชาชน บาดเจ็บเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงมีผู้อพยพลี้ภัยสงคราม ข้ามมาฝั่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด สำนักข่าวคะเรนนี Kantarawaddy Times เปิดเผยว่า ค่ายผู้ลี้ภัยสงครามมากกว่า 50 แห่ง ทางตะวันตกของเมืองดีมอโซว์ รัฐคะยา หรือ รัฐคะเรนนี กำลังต้องการความช่วยเหลือ ด้านอาหารอย่างเร่งด่วน ขณะที่พบว่า มีผู้บริจาคให้ความช่วยเหลือ แก่ผู้ลี้ภัยในพื้นที่ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ
ขณะที่ราคาสินค้า และอาหารในพื้นที่ พุ่งสูงขึ้นเป็นสองเท่า โดยราคาข้าวสารเพิ่มขึ้นเป็นกระสอบละ 100,000 จัต (1,675 บาท) และยังพบว่า กองทัพเมียนมานั้นได้ปิด และควบคุมการขนส่ง ไม่ให้อาหารเข้าถึงผู้ลี้ภัยสงครามในพื้นที่ โดยเฉพาะข้าวสาร น้ำมัน และเกลือ ถูกห้ามขนส่งระหว่างเมืองลอยก่อว์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐคะเรนนี และเมืองดีมอโซว์ โดยใช้นโยบาย 4 ตัด
แหล่งข่าวเปิดเผยต่อไปว่า นโยบาย 4 ตัด คือการ ตัดเงินช่วยเหลือ ตัดเส้นทางลำเลียงอาหาร ตัดการติดต่อสื่อสาร และตัดกำลังพล มุ่งเน้นใช้กับกลุ่มติดอาวุธ และหวังให้ประชาชนอ่อนแอ ไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้กับกองทัพเมียนมา หรือสนับสนุนแก่กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์หรือ CTER (The Coordination Team for Emergency Relief- Karenni) เปิดเผยว่า ตามด่านตรวจต่าง ๆ นั้น มีความเข้มงวดมากขึ้น เรื่องนี้จะกลายเป็นอุปสรรค ต่อหน่วยงานบรรเทาทุกข์ และกลุ่มผู้บริจาคที่ ต้องการนำความช่วยเหลือ ไปยังค่ายผู้ลี้ภัย และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่ออาหารในค่ายผู้ลี้ภัยสงครามหมดลง เนื่องจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านจำนวนมากในรัฐคะเรนนี จึงหนีออกจากบ้าน และขาดโอกาสในการจ้างงาน ทำให้ผู้ลี้ภัยต้องพึ่งพาอาหาร ที่เก็บไว้อย่างจำกัดเพื่อการยังชีพ
นายเตโหม่ ผู้ประสานงานกลุ่มบรรเทาทุกข์คะเรนนี หรือ CTER (The Coordination Team for Emergency Relief- Karenni) เปิดเผยว่า สถานการณ์ในค่ายผู้หนีภัย การสู้รบในรัฐคะเรนนีขณะนี้ อยู่ในขั้นวิกฤต โดย 6 เมืองหลักของรัฐ ยกเว้นเมืองลอยก่อ ซึ่งเป็นเมืองหลวง ได้ถูกกองทัพเมียนมาโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมากกว่า 2 แสนคน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายใน (IDPs) หลบซ่อนในป่า หรือรวมกันเป็นค่ายผู้พลัดถิ่น
“การส่งความช่วยเหลือ เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมีการปิดถนนสายหลัก โดยเฉพาะที่เมืองดีมอโซว์ ซึ่งเชื่อมกับเมืองหลวง ทำให้ข้าวสาร อาหาร สิ่งของจำเป็น ไม่สามารถส่งถึงมือประชาชนได้ ขณะนี้มีประชาชนจากรัฐคะเรนนี ที่หนีภัยความตาย จำเป็นต้องข้ามมาพักพิงในฝั่งไทย ที่แม่ฮ่องสอน ประมาณ 1 หมื่นคน แต่ก็มีผู้พลัดถิ่นจากพื้นที่ชั้นใน ต้องหนีมาใกล้ชายแดนเช่นกัน เนื่องจากการโจมตีจากทหารเมียนมา ขณะนี้มีตัวเลขผู้พลัดถิ่น เพิ่มขึ้นสูงสุดเท่าที่เคยมีมา” ผู้ประสานงานกลุ่มบรรเทาทุกข์กล่าว