svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา" ลั่นฟ้อง "ชูวิทย์" จนถึงที่สุด ระบุ บริหาร แสนสิริ อย่างมีธรรมาภิบาล

16 สิงหาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เศรษฐา" ลั่นฟ้อง"ชูวิทย์"จนถึงที่สุด ยันซื้อที่ดินสุขุมวิทตามราคาตลาด ระบุ บริหาร "แสนสิริ" อย่างมีธรรมาภิบาล

16 สิงหาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก แจงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉเรื่องการซื้อขายที่ดิน สุขุมวิท 55 วานนี้(15 ส.ค.) โดยระบุว่า ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น

\"เศรษฐา\" ลั่นฟ้อง \"ชูวิทย์\" จนถึงที่สุด ระบุ บริหาร แสนสิริ อย่างมีธรรมาภิบาล

ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่า บริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล

การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น

การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามวานนี้(15 ส.ค.) ภายหลังจากประชุมพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีนายชูวิทย์ ออกมาแฉ นายเศรษฐา เกี่ยวกับความไม่สุจริต เรื่องนี้อาจกระทบเสียง และการตัดสินใจของ สว. หรือไม่ ว่า ทุกคนรู้จักนายชูวิทย์ดีว่า สามารถนำเสนอประเด็นได้เรื่อยๆ แต่คุณสมบัติของนายเศรษฐา ก็เป็นไปตามระเบียบ ถ้าผ่านกระบวนการมาเรียบร้อยแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา และเมื่อมีการรับรองแล้วจะมีคนเห็นเหมือน หรือเห็นต่างอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน

ชูวิทย์ ตามแฉ เศรษฐา ล่าสุด 15 ส.ค.66

ทั้งนี้เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ ซอย 12 มูลค่าหลายร้อยล้านบาท เป็นเพียงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง (เอ็นแอนด์เอ็น แอสเซ็ท จำกัด) นำเงินไปไถ่ถอนจำนองที่ดินย่านทองหล่อ กับธนาคาร (แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ) จำนวน 465 ล้านบาท

และปรากฏชื่อผู้รับจำนองต่อเป็นบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง (บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด) ที่มีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่าเป็นบริษัทนอมินีในเครือนายเศรษฐา และพบว่ามีการทำสัญญากู้จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินต่อจากบริษัทที่มีแม่บ้านถือหุ้นอยู่ จำนวน 565 ล้านบาท

และต่อมาพบว่าบริษัทใหญ่ที่นายเศรษฐา เป็นกรรมการบริษัท ได้ซื้อที่ดินต่อจากบริษัทนอมินี เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ทำให้มีส่วนต่างจากเงินที่ซื้อขายจริง เป็นจำนวน 435 ล้านบาท

จึงตั้งข้อสงสัยว่าเงินจำนวนนี้หายไปไหน การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการฉ้อโกงผู้ถือหุ้นหรือไม่ และมีคุณสมบัติเพียงพอต่อหารที่จะถูกเลือกให้เป็นนายกคนต่อไปหรือไม่

พร้อมทั้งได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กรณีที่นายเศรษฐา จะถูกโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ ต้องรอดู และหากนายเศรษฐา ไม่ถอย หรือถอนตัว ก็จะแฉต่อ พร้อมได้มีการเตรียมหลักฐานไว้แล้ว คาดจะแถลงข่าวอีกครั้ง วันที่ 18 ส.ค.นี้ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา โดยจะตั้งหัวข้อว่านายกฯดิจิทัล

ชูวิทย์ ตามแฉ เศรษฐา ล่าสุด 15 ส.ค.66

ทั้งนี้ บริษัทแสนสิริ โดยนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายปฏิบัติการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ออกออกแถลงการณ์ชี้แจงยืนยัน การซื้อขายที่ดินทองหล่อถูกต้อง โดยระบุว่า ตามที่ได้มีผู้นำเสนอข้อมูลบิดเบือนพาดพิง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับวิธีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริว่ามีการดำเนินการโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สาธารณชนเข้าใจคลาดเคลื่อน และทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง

บริษัทขอชี้แจงว่า การสรรหาและจัดซื้อที่ดินของแสนสิริ ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน บริษัทมีแนวทางการพิจารณาการจัดซื้อที่ดินอย่างชัดเจน ผ่านการประเมินความเสี่ยงในหลากหลายมิติ โดยก่อนการอนุมัติจัดซื้อที่ดินของแสนสิริ แต่ละแปลงจะมีทีมสรรหาที่ดินที่มีความเชี่ยวชาญทำการตรวจสอบข้อมูลขั้นต้นและข้อมูลรายละเอียดของที่ดินที่ได้รับการเสนอขาย โดยมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด ทั้งในเชิงมหภาค การขยายตัวของเมือง ประชากร และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงพิจารณาราคาตามกลไกของตลาด ทำเลที่ตั้งของที่ดิน การสำรวจตลาดคู่แข่ง เงินลงทุน กำไรที่คาดว่าจะได้รับอย่างละเอียด ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

\"เศรษฐา\" ลั่นฟ้อง \"ชูวิทย์\" จนถึงที่สุด ระบุ บริหาร แสนสิริ อย่างมีธรรมาภิบาล

กรณีที่ดินทองหล่อ (KHUN by YOO) แสนสิริ และบริษัทย่อยของแสนสิริ กรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว แสนสิริซื้อที่ดินทองหล่อในปี 2559 ในราคา 1,100,000 บาทต่อตารางวา จากบริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสมเทียบเคียงกับราคาตลาด

ตามที่มีการกล่าวอ้างว่า แสนสิริซื้อที่ดินราคาแพง ควรจะซื้อแค่ 565 ล้านบาทหรือเท่ากับตารางวาละ 650,000 บาทเท่านั้น เป็นการพูดที่ไม่สมเหตุผล เพราะไม่มีเจ้าของที่ดินรายใดที่มีที่ดินอยู่ในซอยทองหล่อจะขายที่ดินในราคาดังกล่าว อีกทั้ง บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นธรรมดาที่เจ้าของที่ดินจะต้องขายที่ดินที่มีกำไร เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมขายในราคาตารางวาละ 650,000 บาท ที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมาก

บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่เคยให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท เอ็น แอนด์ เอ็น แอสเซ็ท จำกัด โดยมีหลักฐานที่อยู่ในสัญญาจำนองฉบับกรมที่ดิน (เอกสารแนบ) ว่าการจำนองดังกล่าวเป็นการจำนองเพื่อประกันการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดินของผู้ขายเพื่อให้ผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการดำเนินการเคลียร์ผู้เช่าในที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยปลอดจากภาระผูกพันใดๆ และเมื่อผู้ขายได้ดำเนินการครบถ้วนเสร็จสิ้นแล้ว แสนสิริจึงได้ดำเนินการรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว และจัดทำเป็นโครงการอาคารชุดที่มีการขายและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้ว

ทั้งนี้แสนสิริอยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำการบิดเบือนข้อมูล และทำให้ชื่อเสียงแสนสิริได้รับความเสียหาย แสนสิริขอยืนยันว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้

\"เศรษฐา\" ลั่นฟ้อง \"ชูวิทย์\" จนถึงที่สุด ระบุ บริหาร แสนสิริ อย่างมีธรรมาภิบาล

logoline