ผู้เลี้ยงโคนมถอดใจ ผลิตนมลดฮวบ แต่ราคาไม่ขึ้นตาม ซ้ำค่าอาหารสัตว์พุ่งสูง
ปัญหาใหญ่! เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมสระแก้วถอดใจ ผลิตน้ำนมลดฮวบ แต่ราคาไม่ขึ้นตาม ซ้ำค่าอาหารสัตว์พุ่งสูง ใกล้ปิดตัวอีกหลายฟาร์ม
25 กรกฎาคม 2566 กำลังทำท่าจะกลายเป็น วิกฤต ครั้งใหญ่ กรณี ปัญหาการขาดแคลนน้ำนมโคดิบ ภายในประเทศ มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบ ต่อการผลิตนมโรงเรียนทั่วประเทศ โดยที่ จ.สระแก้ว เป็นอีกพื้นที่ ที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจำนวนมาก มีการจัดตั้งสหกรณ์โคนม และกำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
นายไสว พิมพ์เสนา อายุ 78 ปี เจ้าของฟาร์มเลี้ยงโคนม "พิมพ์เสนา" บ้านวังใหม่ ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ ที่เลี้ยงโคนม มาตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งสหกรณ์โคนมฯ รุ่นแรก เมื่อปี 2530 ปัจจุบันมีโคนม อยู่ทั้งหมดเกือบ 100 ตัว แต่ปัจจุบันสามารถให้นมได้ประมาณ 40 ตัวต่อวัน เปิดใจว่า อาชีพเลี้ยงโคนมทุกวันนี้ ยากลำบากมาก เงินเหลือแทบไม่พอค่าอาหารโคด้วยซ้ำ จะซื้อฟางทีต้องขายโค เพราะการผลิตนมโค ได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ได้ไม่ต่ำกว่า 18 - 20 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน แต่เดี๋ยวนี้เหลือเพียง 11 - 12 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน
ขณะที่การรีดนมโค ก็มีปัญหาเช่นกัน ทำให้เกษตรกรยุบฟาร์ม เลิกเลี้ยงไปจำนวนมาก เพราะไม่มีเงินซื้อฟางให้โค เพราะเงินค่านมไม่เหลือ อีกทั้งราคาขายนมโคขณะนี้ อยู่ไม่ได้แน่นอน ยังไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน โดยช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ยังพอได้นมอยู่ แต่หลังจากโรคลัมปีสกิน เข้ามาระบาดในประเทศไทย หลังจากที่โคนมฟื้น หรือหายจากโรคแล้ว กลับให้นมไม่ได้เหมือนเดิม
นายไสว กล่าวว่า นอกจากปัญหาผลิตน้ำนมโคได้ลดลงแล้ว ราคาอาหารสัตว์ยังสูงขึ้น แต่ราคานมดิบ ไม่ได้ปรับขึ้นตาม เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์ ทำเกษตรกรเลิกเลี้ยงกันไปเป็นจำนวนมาก เพราะอยู่ไม่ได้ ขืนทำต่อไปก็เป็นหนี้
ตอนนี้เลิกไปเยอะแล้ว เหลืออยู่เพียงไม่กี่ฟาร์มเท่านั้น ตอนนี้จะดิ้นรนมาก ก็ทำไม่ได้ เพราะต้นทุนมันสูง ยังไม่รู้ว่า จะเลี้ยงต่อไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงไม่นาน
นายอำนวย ทงก๊ก ประธานกรรมการสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น อ.วังสมบูรณ์ ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ต้องพูดความจริงว่า เกิดมานานแล้ว เนื่องจากเกษตรกรรุ่นใหม่ ไม่รับช่วงต่อจากพ่อแม่ และปัญหาโคนมเกิดวิกฤตที่ประเทศเวียดนาม จึงได้มาซื้อโคไปจากประเทศไทย ประมาณ 10,000 แม่โค รวมถึงยังมีปัญหาโรคลัมปีสกิน ที่เข้ามาระบาดในโคเนื้อและโคนม รวมถึงสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ที่แม้ว่าต่อมาจะมีวัคซีนรักษา แต่โคที่เคยคิดโรคกลับเลี้ยงไม่ฟื้น
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับหลักของการ เข้ามาดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ที่วันนี้ไม่มี นมถูกควบคุมโดยราคาควบคุมของ ก.พาณิชย์ และ ก.เกษตรฯ ขณะที่อาหารสัตว์ ขึ้นไปไม่รู้กี่รอบ แต่โคนมไม่ได้การดูแลเรื่องการขึ้นราคาน้ำนมดิบ คนเลี้ยงไปก็ขาดทุน จึงต้องเลิกเลี้ยง และขณะนี้ยิ่งเป็นรัฐบาลรักษาการ ยิ่งไปกันใหญ่เลย เพราะรัฐบาลไม่กล้าทำอะไร เกษตรกรก็เลิกเลี้ยง นมวันถึงขาดวันนี้
นายอำนวย กล่าวต่อว่า ใครก็ตาม ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ อยากให้ให้ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมจริง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเป็นเงินซอฟโลน เอาแต่ต้นคืนไป ห้ามมีดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 10 ปี วัวนมถึงจะกลับฟื้นคืนมาเหมือนดังเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
วันนี้วิกฤต ขาดหมดทุกที่ สมาชิกของสหกรณ์ ก็ลดลงไปเยอะพอสมควร วันนี้นมตามตัวเลขในกระดาษ 3,000 กว่าตันต่อวันนั้น เป็นตัวเลขที่โกหก นมจริง ๆ วันนี้เราพูดตรง ๆ เลยว่า เหลือถึง 1,500 ตันหรือเปล่าทั้งประเทศ ตัวเลขที่ราชการพูดมานั้น โกหกทั้งหมด โกหกกันมาตลอด
"ต่อไปต้องมีผลกระทบ ต่อนมโรงเรียนแน่ เพราะมีการโกหกตัวเลข ส่วนแนวทางแก้ปัญหา รัฐบาลต้องมาจัดการ ใครเป็น รมว.เกษตรฯ เที่ยวนี้ต้องมาจัดการ โดยเฉพาะ อสค. ที่ไม่ได้เป็นที่พึ่งหวังของชาวบ้าน เพราะตัว อสค. เอง ก็เอาตัวเองไม่รอด หากจะให้กิจการเลี้ยงโคนมไปรอด ต้องมีการส่งเสริมกันจริง ๆ จังจัง เพราะอาชีพการเลี้ยงโคนม ร.9 เป็นผู้พระราชทาน หากเราไม่แก้ไขอย่างจริงจัง อาชีพที่พ่อให้จะหมดไป ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า"
