เฝ้าระวังต่อเนื่อง ผ่านไป 10 กว่าชม. ไฟไหม้โกดังกระดาษอัดแท่ง ยังดับไม่สนิท
ผ่านไป 10 กว่าชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเฝ้าระวัง โกดังโรงงานรีไซเคิล หลังเพลิงยังไม่สงบ เผากระดาษอัดแท่ง 1 พันตันวอด เสียหาย 30 ล้านบ.
18 กรกฎาคม 2566 จากกรณีไฟไหม้โกดังอย่างรุนแรง เผาโกดังเก็บกระดาษอัดแท่ง ภายในโรงงานรีไซเคิลวอดเสียหายกว่า 30 ล้านบาท เมื่อกลางกลางดึกวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยโกดังของโรงงานรีไซเคิลดังกล่าว เก็บกระดาษอัดแท่งมากกว่า 1 พันตัน จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับมีลมกรรโชกแรง ทำให้ไฟลุกไหม้รุนแรง
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ผ่านไปแล้ว 10 กว่าชั่วโมง ก็ยังไม่มีท่าทีว่าไฟจะมอดดับลงอย่างสนิท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
แม้เวลาจะผ่านไปแล้วมากกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไหม้โกดังเก็บกระดาษ โรงงานรีไซเคิล ได้ในวงจำกัด แต่ยังคงมีแสงเพลิงและกลุ่มควันลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิง รถดับเพลิงจากเทศองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ยังคงระดมฉีดน้ำเพื่อป้องกันลุกไหม้ ของกองกระดาษอัดก้อน กว่า 1,000 ตัน ที่ถูกเพลิงไหม้ ภายในโกดังของบริษัท รีไซเคิลกระดาษขนาดใหญ่ หมู่ 1 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยาที่ถู กเพลิงไหม้เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบบริเวณโกดังที่ 2 ที่เป็นจุดไฟไหม้พบเครื่องจักรและตัวกระดาษอัดก้อน 1,000 กว่าตัน ที่รอขาย ถูกไฟไหม้ทั้งหมด ตัวโครงสร้างของโกดังมีการยุบตัวลง แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานอยู่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวยังคงมีแสงเพลิงและกลุ่มควัน
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 4 พระนครศรีอยุธยา ประสานองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำ รถแบคโฮจำนวน 2 คัน มาช่วยคุ้ย ตัวกระดาษอัดก้อนที่ถูกเพลิงไหม้ ให้กระจายตัวและระดมฉีดน้ำจะได้ง่ายต่อการดับไฟ
ส่วนบริเวณโกดังที่ 3 ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยและคาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงและดับไฟได้
เจ้าของโกดัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อคืนมีลมกระโชกแรง ทำให้สายไฟระหว่าง โกดัง 2 และโกดัง 3 เสียดสีกัน จนอาจจะเกิดกระแสไฟฟ้าลุกไหม้ ประกอบกับภายในตัวโกดังเป็นตัวกระดาษและพลาสติก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงติดไฟได้ง่าย
เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่อย่างไรก็ตาม ต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุเพิ่มเติมอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุการถูกเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง ซึ่งโชคดีเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
