2 มีนาคม 2566 จากกรณีเรือประมงพื้นบ้านชุมนุมประท้วงปิดปากอ่าวปากบารา จ.สตูล จากประเด็นเรือประมง 27 ลำถูกตำรวจและกรมอุทยานฯ ดำเนินคดีในความผิดฐานทำประมงในพื้นที่เขตทับซ้อน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเรือโดยสาร ทำให้มีนักท่องเที่ยวตกค้างจำนวนมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ยืนยันว่าการที่ประมงพื้นบ้านออกมาชุมนุมกันเป็นเรื่องของความเข้าใจผิด เพราะแม้ตำรวจ และกรมอุทยานฯ จะประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แต่ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการจับกุมประมงพื้นบ้าน เพราะเข้าใจได้ว่า การทำประมง พื้นบ้าน เป็นการทำประมง เพื่อการยังชีพ และเครื่องมือที่ใช้ ที่ไม่กระทบต่อทรัพยากรชายฝั่ง
"ที่ผ่านมา ตำรวจได้หารือร่วมกันกับทางกรมอุทยานฯ และมีการกำหนดขอบเขตการผ่อนผันทำประมงบางจุดให้ชาวเล เข้าไปหาปลาเพื่อการยังชีพ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
จากการสำรวจพบว่า จ.สตูล มีเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กกว่า 6,800 ลำ แต่เรือที่ออกมาประท้วงอยู่ในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 80 ลำในวันแรก และลดลงมาเหลือ 40 ลำในวันที่สอง
ส่วนสาเหตุที่ต้องจับกุม เรือประมงพาณิชย์ และไม่สามารถผ่อนผันได้ เนื่องจากพื้นที่อุทยานฯ มีความหลากหลายทางชีวภาพ หากปล่อยให้เรือประมงพาณิชย์ เข้ามาลักลอบทำประมง จะสร้างความเสียหาย ทั้งระบบนิเวศน์ และการท่องเที่ยว ไม่ต่างจากปล่อยปละให้มีการสร้างโรงแรม บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการดำเนินคดีกับเรือประมงพาณิชย์ 27 ลำ จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย อย่างจริงจัง เนื่องจากตรวจสอบ VMS พบว่า เรือประมงเหล่านี้ ทำประมงในเขตหวงห้าม หรือเขตอุทยานและยังใช้เครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำวัยอ่อนและปะการัง ซึ่งทางกรมอุทยานฯ ได้แจ้งดำเนินคดี กับเรือกลุ่มนี้ไปแล้ว ที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา มีโทษจำคุก 5 ปีและปรับไม่เกิน 500,000 บาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล ผบก.ภ.จว.สตูล เข้าไปทำความเข้าใจกับตัวแทนของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ที่ออกมาชุมนุมปิดปากอ่าว และทำข้อตกลงร่วมกันโดยเร็วที่สุด จะได้ยุติการปิดปากอ่าวที่กำลังกระทบต่อการท่องเที่ยวทะเล
มีรายงานว่า อีก 2 เดือนข้างหน้า สหภาพยุโรป หรือ EU (European Union) จะเข้ามาประเมิน IUU (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing) ของการทำประมงในประเทศไทย