กรณีปัญหาเรือประมงขนาดเล็กเครื่องมือพาณิชย์ ในพื้นที่จ.สตูล ต้องหยุดเรือเนื่องจากในทะเลมีกฏหมายทับซ้อนกัน 2 ฉบับ คือกฏหมายประมงและกฏหมายอุทยานฯ จนทำให้เรือประมงขนาดเล็กเครื่องมือพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน 25 ตันกรอส ไม่สามารถออกทำมาหากินได้ เนื่องจากไม่มีพื้นที่ในการทำประมง เพราะพื้นที่กฏหมาย 2 ฉบับทับซ้อนกัน และพื้นที่ จ.สตูล เป็นพื้นที่ที่มีเกาะแก่งมากมาย และเมื่อออกทำประมงก็เสี่ยงถูกจับ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ถูกจับไปแล้ว 27 ลำ และชาวประมงเรียกร้องให้ภาครัฐแก้ปัญหามาโดยตลอดแต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ทางกลุ่มเรือประมงฯ ตัดสินใจนำเรือปิดปากอ่าวบริเวณปากคลองปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา โดยมีการตั้งเต็นท์ และนำเรือจากหลายพื้นที่ ทั้ง อ.เมือง อ.ละงู และพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาสมทบกว่า 100 ลำ หากไม่มีการแก้ไขปัญหาจะยุติการเดินเรือเส้นทางดังกล่าว ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเรือท่องเที่ยวและเรือทุกชนิดที่จะเข้าออก
ด้าน นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยปลัด อ.ละงู และ ชุดสืบสวน สภ.ละงู ได้ลงไปดูในที่เกิดเหตุพร้อมขอต่อรองเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กำลังแก้ปัญหาให้แต่จะรีบเร่งทันควันไม่ได้ และขอให้มีการเปิดเส้นทาง เพื่อไม่ให้กระทบต่อกลุ่มประมงพื้นบ้านและเรือนักท่องเที่ยวที่เข้า-ออกในวันนี้ (1 มีนาคม) ซึ่งทางกลุ่มผู้เรียกร้องขอให้เร่งแก้ปัญหาเพราะเดือดร้อนจริง ๆ
นายสมบัติ พัทคง ชาวประมง กล่าวว่า พวกตนทำมาหากินกันอย่างสุจริตและยึดถือกฏหมายประมงมาตลอด ไม่ว่าออกกฏหมายอย่างไร แต่พวกเราเป็นเรือขนาดเล็กแต่มีเครื่องมือประมงพาณิชย์จึงเข้าข่ายประมงพาณิชย์หมด แต่เรือของเราไม่สามารถออกไปในทะเลลึกได้ เพราะไม่สามารถต้านคลื่นลมที่มีความสูงมากกว่า 2 เมตรได้ ออกเกิน 25 ไมล์เราก็เจอไหล่ทวีปแล้ว เราทำประมงตามกฏหมายมาตลอดแต่เมื่ออุทยานประกาศเขต 10 ไมล์ทะเล ซึ่งกฏหมาย 2 ตัวเขตทับซ้อนกันอยู่เราไม่มีที่ทำกินสำหรับเราเลย
การนำเรือมาปิดปากอ่าวบริเวณร่องน้ำปากคลองปากบารา ก็เพื่อแสดงออกว่าให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาให้เพราะเราทำกินไม่ได้เลย เดือดร้อนกันหมดอยากให้เห็นใจพวกเราบ้าง ต้องหยุดเรือนับเดือนแล้วออกไปก็ถูกจับ หมดที่ทำกิน เราไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่หากภาครัฐยังนิ่งเฉยเราก็จำเป็นที่จะต้องปิดทั้งหมด โดยเรือที่ได้รับความเดือดร้อนมีประมาณ 400 ลำ ขณะนี้มีเรือจากอำเภอต่าง ๆ เข้ามาประมาณ 100 ลำเพื่อร่วมแสดงเจตนารมณ์ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามล่าสุดทางกลุ่มชาวประมงแจ้งว่าหากไม่มีการแก้ปัญหา อาจจะต้องปิดเส้นทางการเดินเรือทั้งหมดในช่วงหลังเที่ยงของวันนี้ (1 มีนาคม)