จากกรณีวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงานพบศพสามี-ภรรยา ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยสองสามีภรรยาได้ก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า "ความฝันแบบเกาหลี" ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบากมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด สำหรับสองสามีภรรยาทราบว่าผู้ชายเป็นชาว จ.อุดรธานี
25 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.นาคำ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของ นายขจรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี หรือ แหลม ผู้เสียชีวิต ได้พบกับนายบุญจันทร์ อายุ 78 ปี และ นางทองเลื่อน อายุ 74 ปี พ่อและแม่นายขจรศักดิ์ โดยบ้านหลังดังกล่าวมีเพียงสองตายายอยู่ด้วยกันลำพังเพียง 2 คน
นางทองเลื่อน ได้นำรูปถ่ายของลูกชายสมัยเป็นหนุ่ม ๆ มาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยบอกว่า นายขจรศักดิ์เป็นลูกชายคนโต ในจำนวน 5 คน เป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลน้องมาตลอดตั้งแต่เกิดมา พอโตขึ้นก็ไปทำงานเนื่องจากที่บ้านฐานะยากจน เขาเลิกกับภรรยาเก่า และมีภรรยาใหม่ตอนไปทำงานที่เกาหลีใต้ มาเป็นสิบปีแล้ว ตอนนี้มีลูกชาย 2 คน
ตอนที่หลานชายโทรมาบอกว่าลูกเสียชีวิตที่เกาหลี ตนเองแทบช็อก ร้องไห้ทั้งวัน เสียใจมากที่สูญเสียลูกชายคนนี้ไป เขาเป็นคนดีมาก พอโตขึ้นก็ออกไปหางานทำ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปทำงานต่างประเทศต่างประเทศ ทั้งอิสราเอล ไต้หวัน และเกาหลีใต้
นางทองเลื่อน บอกอีกว่า แม้เขาจะแบบผีน้อย แต่ด้วยความจนทำให้ลูกชายต้องบากหน้าไปทำงานต่างประเทศ ตนเองอยากได้ศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน แต่ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณ 500,000 บาท ก็เลยคิดว่าจะเอากระดูกมาทำบุญ จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท อยากให้ทางการช่วยแนะนำในการนำศพหรือกระดูกลูกมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านด้วย
ก่อนลูกชายเสียชีวิต มีฝันเป็นลางไปทุ่งนาเจอน้ำหลากในท้องนา ก็เดินลุยน้ำไปที่กระท่อมนาแล้วไปเปลี่ยนชุดผ้าขาวขาดๆ พอไปเล่าให้คนแก่ในหมู่บ้านฟัง จะสูญเสียคนที่รักไป วันต่อมารู้ข่าวอีกทีก็รู้ว่าลูกชายเสียชีวิตไม่คิดว่าฝันจะเป็นจริง พอไปเล่าให้ตาฟัง ตาร้องไห้แทบขาดใจ ไม่คิดว่าลูกชายจะจากไปเร็วขนาดนี้ เขาวิดีโอคอลมาหาแม่เมื่อปีใหม่ บอกว่า อีก 4-5 ปี ครบ 60 ปี จะกลับมาอยู่บ้าน อย่าเพิ่งตายก่อนลูกแล้วกัน
ด้าน นายบุญจันทร์ ผู้เป็นพ่อ บอกว่า หลานชายโทรมาบอก พอรู้ข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตที่เกาหลีตนเองทำใจไม่ได้ เขาเป็นที่รักของพ่อแม่ และน้อง ๆ ทุกคน ตนรักลูกชายคนนี้มาก ไปทำงานหนักในหลายประเทศเพื่อให้น้อง ๆ มีชีวิตที่ดี เกาหลีใต้เป็นประเทศสุดท้ายที่ลูกชายไป สุดท้ายมาเสียชีวิต ปีใหม่ยังคุยกันอยู่เลยบอกกับพ่ออยู่เลยอย่าตายก่อนลูกนะ ครบ 60 ปี จะมาอยู่ด้วย ส่วนความรู้สึกเสียใจจนบอกไม่ถูกน้ำตาจะไหล
ขณะที่ นายจุ๋ม น้องชายนายแหลม บอกว่า ลูกชายของผู้เสียชีวิตกำลังติดต่อกับสถานทูตที่เกาหลีใต้ในเรื่องนำกระดูกของพ่อมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน จ.อุดรธานี แต่ตอนนี้เราติดใจว่าทรัพย์สินของพี่ชายยังอยู่ไหม แม้เขาจะไปแบบผีน้อยเขาทำงานเป็นสิบปี ก็ต้องมีเงินสดทรัพย์สินอยู่ด้วย
เท่าที่รู้ลูกชายบอกว่า พ่อจะถือกระเป๋าใบหนึ่งไว้ตลอด โดยบอกว่ามีทรัพย์สินเป็นทองคำ ประมาณ 9 ล้านบาท และเงินสดอีก 400,000 บาท คงต้องประสานกับทางสถานฑูตอีกครั้ง ซึ่งหากทรัพย์สินและเงินสดยังอยู่ อยากให้ตร.ที่เกาหลีใต้ สืบดูว่าคนที่ไปเจอศพคนแรกพบไหม หากกระเป๋าใบนั้นมีทรัพย์สิน ทองคำและพาสปอร์ตของพี่ชายและพี่สะใภ้ยัง ญาติ ๆ ก็อยากได้ทรัพย์สินตรงนั้นมาด้วย