svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก

17 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม่ทำงานที่ประเทศเยอรมัน บินด่วนกลับไทย ร้อง "ปวีณา" ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ย่านบางบัวทอง เสียค่าใช้จ่ายเดือนละ 3 หมื่นบาท ถูกครูพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกายสารพัด จนจมูกผิดรูป แถมให้กินข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และไม่ให้กินยาต่อเนื่อง จนพฤติกรรมเปลี่ยนไป

17 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นางแหม่ม อายุ 54 ปี ได้พานายเม่น ลูกชายออทิสติก อายุ 29 ปี เดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี เข้าพบนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา เพื่อเด็กและสตรี ขอช่วยติดตามคดี หลังนำลูกชายไปฝากเลี้ยงที่บ้านรับเลี้ยงคนออทิสติก ค่าจ้างเลี้ยงดูเดือนละ 3 หมื่นบาท แต่ลูกกลับถูกทำร้ายทุบตีทารุณ ใช้มีดแทงหน้าอก ใช้สากกะเบือตีมือ จมูกผิดรูปหายใจไม่สะดวก ส่วนใหญ่จะให้รับประทานข้าวกับไข่เจียว ข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อีกทั้งให้ลูกหยุดรับประทานยาประจำที่แพทย์สั่ง แม่สังเกตเห็นความผิดปกติรับลูกกลับมาอยู่บ้านมีอาการหวาดผวา ก้าวร้าว ต่อต้านคนในบ้าน
แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก
นางแหม่ม กล่าวว่า ปกติตนอยู่กับสามีและทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ จ.อุบลราชธานี นายเม่น ลูกชายที่อาศัยอยู่กับยายและหลานของตน บอกว่าอยากไปโรงเรียน และอยากทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ซึ่งตนก็ตามใจลูกเพราะคิดว่า ตนเองอายุมากคงดูแลลูกไม่ได้ตลอด จากนั้นได้ติดต่อหาโรงเรียนสำหรับคนออทิสติก แต่ครูแนะนำว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วถ้ามาเรียนกับเด็ก ๆ อาจจะเกิดความแตกต่างและอึดอัด

จึงได้แนะนำสถานที่รับดูแลคนออทิสติกแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี แม่จึงได้ติดต่อและพาลูกไปที่นั่น พบเป็นบ้าน 2 ชั้น อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีครูพี่เลี้ยง 5 คน ดูแลเด็กออทิสติกที่มีทั้งอยู่ประจำและไปกลับ ซึ่งครูที่เป็นเจ้าของแจ้งค่าใช้จ่ายเดือนละ 30,000-35,000 บาท ในการอยู่ประจำ และบอกว่าจะสอนให้ช่วยเหลือตัวเองได้ มีกิจกรรมให้ทำ พาไปเที่ยวบ้าง และจะไม่ให้เด็กใช้มือถือในช่วงแรก โดยผู้ปกครองจะต้องติดต่อผ่านครู เพราะกลัวเด็กจะไม่เชื่อฟัง

แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก

ตนเองพาลูกไปส่งวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 พร้อมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว และยาประจำตัวที่แพทย์ให้ต้องรับประทานทุกวัน ก่อนที่แม่จะเดินทางกลับประเทศเยอรมัน ช่วง 2 เดือนแรก ครูก็จะส่งรูปลูกชายเวลาทำกิจกรรมวาดรูป รับประทานอาหาร ไปทานเคเอฟซี มาให้แม่ดูก็ว่าลูกคงมีความสุข และครูยังบอกอีกว่า ลูกไม่ได้กินยาต่อเนื่องแล้ว โดยอ้างว่าพาไปหาอาจารย์หมอ บอกว่าลูกชายเป็นปกติไม่ต้องรับประทานยา ต่อมาเดือน พฤศจิกายน 2565 แม่สังเกตเห็นในรูปลูกชายซูบผอม มีร่อยรอยที่ดวงตา ใบหน้า และที่แขน ครูก็อ้างว่าลูกเดินชนก๊อกน้ำ ครั้งแรกแม่ก็ไม่คิดอะไร แต่พอผ่านไปร่องรอยที่ใบหน้า และตามตัวก็ยังไม่หาย

กระทั่ง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 จึงให้น้องสาวบินจากมาจากเยอรมัน เพื่อมาเยี่ยมหลาน เมื่อมาถึงที่บ้านหลังดังกล่าว ครูอ้างว่า ให้น้าเข้าพบเด็กไม่ได้ เพราะต้องระวังเรื่องโควิด ทั้งที่น้องสาวก็ได้ตรวจเอทีเค และนำผลตรวจมาแสดง จึงทำได้เพียงแค่คุยกับหลานผ่านวิดีโอคอล ซึ่งน้าก็สงสารหลานมาก เพราะเห็นมีสภาพซูบผอม และร้องไห้ตลอดเวลา เมื่อน้องสาวมาเล่าให้ฟัง แม่จึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อกลับไทยในวันที่ 23 ธันวาคม 2565 และแชตคุยบอกครูว่า จะไปรับทันทีที่มาถึง เพื่อกลับบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ไปเที่ยวช่วงปีใหม่

ครูกลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่าครูมีโปรแกรมจะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยว แม่เห็นผิดสังเกต จึงให้คนรู้จักไปดูที่บ้าน ก็พบว่าทุกคนยังอยู่ในบ้าน ไม่มีการพาเด็กไปเที่ยวแต่อย่างใด

จากนั้นแม่ก็ได้แจ้งครูขอให้คนรู้จักรับเด็กกลับทันที หลังแม่กลับถึงไทย ได้พบลูกชายในสภาพซูบผอม จมูกหักผิดรูป มีร่องรอยคล้ายถูกทำร้าย ที่ใบหน้าและแขน มีรอยถูกแทงที่หน้าอกซ้าย และมือบวมทั้ง 2 ข้าง เวลานอนลูกมีอาการหวาดผวา แม่ต้องใช้เวลาหลายวัน จนกว่าลูกจะบอกว่า ถูกครู 3 คน ทำร้าย โดยครูผู้หญิงใช้ไม้เรียวตีเวลาโมโห และลูกยังบอกอีกว่า มีวันหนึ่งลูกชายทำพริกป่นหกลงบนพื้น ครูผู้ชายคนที่ 1 มาเห็น จึงเอาพริกป่นยัดใส่ปาก และใส่สากกะเบือตีมือ และอีกวันครูผู้ชายคนที่ 2 หาว่า ลูกชายไปขโมยขนม จึงเอามีดปอกผลไม้แทงที่หน้าอก ซึ่งตอนนี้ยังมีแผลเป็นอยู่

แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก
นางแหม่ม เล่าอีกว่า วันที่ 28 ธันวาคม 2565 แม่จึงพาลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แพทย์พบว่า เด็กมีอาการก้าวร้าว และหวาดผวา จึงต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 18 มกราคม 2566 รวม 21 วัน เพราะต้องดูอาการและปรับยาที่รับประทาน เนื่องจากขาดยามาเป็นเวลานาน แม่เสียใจมากที่ลูกต้องเจอเรื่องแบบนี้ ตอนนี้ลูกมีอาการต่อต้านแม่ ซึ่งแม่ไม่รู้ว่าทางครูที่ดูแลทำอะไรกับลูกและปลูกฝังอะไรใส่ลูกบ้าง นอกจากนี้ลูกยังบอกว่าเวลาอยู่ที่บ้านครูส่วนใหญ่ก็จะกินแต่ข้าวไข่เจียว และข้าวคลุกผงปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

แม่ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดที่เขาทำกับลูกแม่ ไม่รู้ว่าเด็กคนอื่น ๆ จะถูกกระทำแบบลูกแม่หรือไม่ เพราะทางบ้านจะกีดกันไม่ให้ผู้ปกครองเด็กรู้จักพูดคุยกันเลย และก็จะไม่ให้คุยกับเด็ก ๆ ที่อยู่ที่นั่นด้วย ซึ่งเขาอ้างว่าเดี๋ยวเด็กจะไม่เชื่อฟังครู แม่อยากให้มีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบว่าสถานที่ดังกล่าวเปิดถูกต้องหรือไม่ ครูที่ดูแลมีใบอนุญาตหรือไม่ และขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือติดตามคดีให้ด้วย
แม่ร้องปวีณา ส่งลูกชายออทิสติก ไปอยู่สถานรับเลี้ยง ถูกครูทำร้าย-มีดแทงอก
โดย นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ให้นางแหม่มพาลูกชายเข้าแจ้งความ ซึ่งตำรวจได้ส่งตัวนายเม่น ไปตรวจร่างกาย และสอบปากคำในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แล้ว ทั้งนี้นางแหม่มเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงได้พาลูกชายเดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาฯ อีกครั้ง เพื่อเข้าพบนางปวีณา ขอให้ช่วย ซึ่งนางปวีณา ได้พาสองแม่ลูกไปพบผู้การฯ นนทบุรี ที่ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพื่อติดตามคดี

logoline