
14 กุมภาพันธ์ 2566 บรรยากาศวันวาเลนไทน์ ที่ จ.สุรินทร์ ที่บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา (สวนใหม่) ต.นอกเมือง อ.เมือง ได้มีการจัดประเพณีแต่งงานของชุมชนชาวกูยโบราณ หรือ ซัตเต
พิธี "ซัดเต" เป็นการสู่ขวัญบ่าวสาวแบบชาวกูย และมีพิธีแห่ขันหมากบนหลังช้าง การเลี้ยงอาหารช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมนั่งช้างจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง มีนายพรชัย มุ่งเจริญพร นายก อบจ.สุรินทร์ กล่าวถึงงานประเพณี และมีนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิด
นายพิจิตร กล่าวว่า งานแต่งงานและจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ประจำปี 2566 นี้ มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกันอวยพรให้คู่บ่าวสาว ทั้ง 30 คู่ ที่มาร่วมแต่งงานแบบ กลุ่มชาติพันธุ์กูยโบราณ ของจังหวัดสุรินทร์ พิธีสมรสแบบ "พิธีซัตเต" ร่วมทั้งพิธีจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ถือเป็นสิริมงคล มีแห่งเดียวในโลก
อีกสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีใจอย่างยิ่งก็คือ การได้เห็นคู่บ่าว-สาว ได้แสดงความรัก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแน่วแน่ ด้วยการตัดสินใจร่วมครองรัก ครองชีวิต เป็นทองแผ่นเดียวกัน และได้เข้าร่วมพิธีอันเป็นมงคลยิ่ง นับได้ว่า เป็นวันสำคัญสุดในชีวิต เพราะจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าบ่าวและเจ้าสาวทุกคู่ จะได้ถือว่า เป็นบุคคลคนเดียวกันแล้วโดยสมบูรณ์
สำหรับพิธีมงคล และจดทะเบียนสมรสบนหลังช้างปีนี้ ถือเป็นพิธีที่มีรูปแบบที่แปลก แตกต่างไปจากที่อื่น เนื่องจาก มีทั้งกลิ่นอายของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของชนชาวกูย มีหมอช้างเดินนำคู่บ่าวสาว ลอดซุ้มดอกไม้ขึ้นมาประกอบพิธีซัตเต
อีกทั้งยังได้นำช้าง ที่เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง มาใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง และการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ของจังหวัดสุรินทร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของจังหวัดสุรินทร์ ให้มีความคึกคัก ภายหลังสถานการณ์โควิด
ซึ่งกิจกรรมนี้ จังหวัดสุรินทร์จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เน้นความขลังของประเพณีแต่งงานแบบ ชาวกูยโบราณ หรือ ซัตเต ความสวยงามและยิ่งใหญ่ ของขบวนแห่ขันหมากของเจ้าบ่าว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีช้างเข้าร่วม 30 เชือก และความยิ่งใหญ่ของการจดทะเบียนสมรสบนหลังช้าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีนี้มีคู่บ่าว-สาว ร่วมในพิธีจำนวน 30 คู่อีกด้วย