svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

ยังหลอกลวงอยู่ สมัครดูยูทูปหาเงิน คราวนี้สูญ 3 แสน หวั่นซ้ำรอย ม.3 ผูกคอดับ

01 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หนุ่มโคราชร้องสื่อ หลังหลานสาวถูกหลอกโอนเงิน ให้กับแก๊งลวงดูยูทูปแลกรายได้ สูญกว่า 3 แสน วอน ตร.เร่งหาคนร้าย หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย ม.3 ผูกคอดับ

1 กุมภาพันธ์ 2566 จากกรณีนักเรียนชายอายุ 15 ปี ถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุน ให้ดูยูทูป อ้างได้ผลตอบแทนสูง เจ้าตัวหลงเชื่อขโมยเงินจากบัญชีแม่ไปลงทุน สุดท้ายรู้ว่าโดนหลอก เกิดความเครียดผูกคอดับ พร้อมทิ้งจดหมายขอโทษพ่อแม่ ระบุ ขอให้เคสตนเองเป็นอุทาหรณ์แก่เด็กคนอื่น

ล่าสุด นายอธิชัย ศรีพันธ์ อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า หลานสาวถูกหลอกให้โอนเงินให้กับแก๊งชวนร่วมลงทุน จากการดูวิดีโอจากยูทูป จนหลงเชื่อสูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท

นายอธิชัย ศรีพันธ์

นายอธิชัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากหลานสาวเห็นลิงค์โฆษณารับสมัครงาน หาคนดูคลิปวิดีโอจากยูทูปผ่านแอปพลิเคชันไอจี หลังจากนั้นหลานได้กดสมัครเข้าไป จนได้มีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนที่ทางแอดมินจะให้หลานโอนเงินจำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวิดีโอจากยูทูป โดยมีการอ้างว่า เงินที่โอนเข้าไปจะเป็นเงินลงทุน โดยหลานของตนจะได้เงินส่วนแบ่งจากยอดวิวของยูทูปที่แอดมินส่งมาให้ดู

โดยผู้ที่อ้างว่าเป็นแอดมิน ได้ส่งโปรโมชั่นเงื่อนไขในการทำงานมาให้หลานดู โดยในเงื่อนไขโปรโมชั่น มีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวิดีโอที่เป็นมิวสิกเริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท จนไปถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ก่อนที่หลานจะสนใจจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์ 

หลังจากโอนเงินทางแอดมินก็แจ้งกลับมาว่า เบิกงานให้หลานของตนไม่ทันทำให้ต้องหางานอื่นมาให้ เป็นการกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดู แต่พอกดเข้าไปก็มีปัญหา จนหลานเริ่มไม่มั่นใจและจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวิดีโอจากยูทูป ซึ่งค่าปิดบัญชีอยู่ 500 บาท หลานก็โอนไป บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายมนตรี เป็นเงิน 500 บาท

ต่อมาวันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินทักกลับมาว่า งานยูทูปว่างแล้วแต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับ จนวันที่ 7 ม.ค.66 ที่ผ่านมา แอดมินส่งข้อความมในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า “สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ(ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน) และในข้อความที่ส่งมา ก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้หลานของตนกลัว จึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา ก่อนที่ทางแอดมินจะหลอกหลานของตนในเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชี ทำให้หลานของตนต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท

จุดเริ่มต้นเกิดเหตุ

หลานโอนเงินจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้มาขอยืมโทรศัพท์ของยาย ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท ก่อนที่จะออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆกัน และไปติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน หลังจากนั้นก็มีการโอนเงินไปอีกหลายรอบจนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยแอดมินแจ้งว่า เป็นค่าภาษีหลังจากโอนเงินไปจนหมดบัญชีของยาย รวมยอดเงินทั้งหมด 302,500 บาท ซึ่งเงินในบัญชีของยายนั้น เป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการ อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่แม่ของหลานโอนมาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา

ยอดเงินล่าสุด

โดยเรื่องนี้ตนมารู้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรศัพท์ไปยืมเงินกับป้า ซึ่งป้าบอกกลับหลานว่ากำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆกันและไปนั่งอยู่ที่ระเบียงร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้องจนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา หลังจากนั้นมาหลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งตนกลัวว่าหลานจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต

จนตนเองต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งในระหว่างนั้นหลานก็ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอว่า “เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาเพราะมันเป็นเงินของยายกับตา”

โดยตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้แจ้งกับทางตำรวจไซเบอร์ ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งตนอยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบ อยากให้ช่วยเร่งรัดเรื่องคดีให้เร็วขึ้น เพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนเกิดขึ้นอีก และอยากฝากไปยังผู้ปกครองคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และคอยสังเกตพฤติกรรมด้วยว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

logoline